วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คริสต์มาส (Christmas) กันซะหน่อย

     วันนี้วัน จิงกาเบน ครับ อู้งานมากวนส้นตีนกันซักนิด            หนุกหนานซ๊ากหน่อย เอา ประวัติมาให้อ่านกัน นิ๊ดนึง

    คริสต์มาส (อังกฤษ: Christmas; อังกฤษโบราณ: Crīstesmæsse, หมายถึง "มิสซาของพระคริสต์") หรือ วันสมโภชพระคริสตสมภพ (อังกฤษ: Feast of the Nativity) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู[1][2] มักจัดวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรมโดยประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลก วันดังกล่าวเน้นปีพิธีกรรมของคริสต์ศาสนิกชนเป็นสำคัญ วันคริสต์มาสเป็นวันปิดเทศกาลเตรียมการรับเสด็จ (Advent) และวันเริ่มต้นเทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide) สิบสองวัน[3] คริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก และผู้ที่มิได้นับถือคริสต์เฉลิมฉลองมากขึ้น[4][5][6] และเป็นส่วนสำคัญในคริสต์มาสและฤดูวันหยุด
วันที่พระเยซูประสูติจริง ๆ นั้น ซึ่งนักประวัติศาสตร์คะเนไว้ระหว่าง 2 ปีก่อน ค.ศ. และ ค.ศ. 7 ไม่เป็นที่ทราบ[7] ในช่วงต้นถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ตะวันตกกำหนดวันคริสต์มาสครั้งแรกไว้ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งวันที่ดังกล่าวศาสนาคริสต์ทางตะวันออกได้รับไปภายหลัง[8][9] มีการพัฒนาทฤษฎีเพื่ออธิบายว่าทางเลือกนั้น รวมถึงเป็นวันเก้าเดือนพอดีหลังการเฉลิมฉลองนางมารีย์รับการประสูติของพระเยซูของคริสต์ศาสนิกชน[10] หรือถูกเลือกให้ตรงกับวันเหมายันของโรมัน[11] หรือเทศกาลฤดูหนาวเพเกินโบราณเพื่อยุติการเฉลิมฉลองเหล่านี้และแทนที่ด้วยการฉลองของคริสเตียน[10][12]
วันการเฉลิมฉลองในศาสนาคริสต์ตะวันออกแต่เดิม คือ วันที่ 6 มกราคม โดยเชื่อมโยงกับวันฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ (Epiphany) และในปัจจุบัน วันดังกล่าวยังคงเป็นวันเฉลิมฉลองสำหรับศาสนจักรอะโพสโตลิคอาร์เมเนียและในอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จนถึง ค.ศ. 2011 ระหว่างปฏิทินเกรโกเรียนสมัยใหม่และปฏิทินจูเลียนที่เก่ากว่า มีวันที่ต่างกันอยู่ 13 วัน ผู้ที่ยังใช้ปฏิทินจูเลียนหรือเทียบเท่าต่อไปจึงเฉลิมฉลองวันที่ 25 ธันวาคมและ 6 มกราคมโดยประชากรโลกส่วนใหญ่ ในวันที่ 7 มกราคมและ 19 มกราคม ด้วยเหตุนี้ เอธิโอเปีย รัสเซีย ยูเครน มาเซโดเนียและมอลโดวาจึงเฉลิมฉลองคริสต์มาส ทั้งที่เป็นวันสมโภชของคริสต์ศาสนิกชนและที่เป็นวันหยุดราชการ ตามในปฏิทินเกรโกเรียนคือ วันที่ 7 มกราคม
ประเพณีการเฉลิมฉลองอันเป็นที่นิยมที่เหมือนกันในหลายประเทศมีการผสมผสานแนวคิดและกำเนิดก่อนคริสเตียน คริสเตียนและฆราวาส[13] ประเพณีสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมในวันดังกล่าวมีการให้ของขวัญ เพลงคริสต์มาสและเพลงเทศกาล การแลกเปลี่ยนการ์ดคริสต์มาส การตกแต่งโบสถ์ มื้อพิเศษ และการจัดแสดงการประดับตกแต่งหลายอย่าง รวมทั้งต้นคริสต์มาส แสงไฟ ฉากการประสูติของพระเยซู มาลัย พวงหรีด มิสเซิลโทและฮอลลี นอกเหนือจากนั้น บุคคลที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดและแทนกันได้บ่อยครั้งหลายคน เช่น ซานตาคลอส ฟาเธอร์คริสต์มาส นักบุญนิโคลัส และคริสต์คินด์ เกี่ยวข้องกับการให้ของขวัญแก่เด็กในเทศกาลคริสต์มาส และต่างมีประเพณีและตำนานเป็นของตนเอง[14] เพราะการให้ของขวัญและอีกหลายส่วนของเทศกาลคริสต์มาสเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในบรรดาคริสต์ศาสนิกชนและผู้ที่มิใช่ วันคริสต์มาสจึงเป็นเหตุสำคัญและช่วงลดราคาหลักสำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของคริสต์มาสเป็นปัจจัยซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาในหลายภูมิภาคทั่วโลก
    ลอกเค้ามาเต็มๆ แบบไม่จัด อะไรเลย เน้น ติสแตก

ข้อมูลจาก  http://th.wikipedia.org/wiki/   THANK U


เช่นเคยขอภาพใช้นะครับจาก http://th.wikipedia.org/wiki/ ขอบพระคุณมากครับ


วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

I Phone5 หรือสันดานฅน

    ห่างหายไปนานกับการเขียนบทความแบบที่ผมเรียกเองเออเองว่า อะไรนะครับ ขอเสียงหน่อย...(เงียบ) บทตความจรรโลงโลกจรรโลงสังคมแต่อาจไม่จรรโลงใจใครหลายๆคน วันนี้ขอตามกระแสหน่อยถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์ แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าเป็นที่ติดตามกันตลอด กับ IPhone5 ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปก็มีหลายๆ กระแสตอบรับ ผิดหวังกันบ้าง ไม่ชอบบ้าง ติกบ้าง ฮือฮาบ้างก็แล้วแต่ ส่วนตัวผม รอมานานแล้วที่จะได้ ไปถอย 4S มาแทน OptimuS 3D (อ้าวๆ งง) ครับเพราะผมวิเคราะห์ด้วยสมองกลวงๆส่วนตัวว่า 4S นี่หละใช้ในบ้านเราเหมาะสุดเพราะ IPhone5 เทคโนโลยีของบ้านเราตอบสนองมันไม่ได้ อันนี้ไม่ได้เซเล็บขบโทรศัทพ์ขอไม่วิเคราะห์จบข่าว...

    มาว่ากันทำไมถึงเขียนบทความนี้ 1.ผมมึนและเมา 2.รูปผมหาไม่เจอ เพราะมึนแล้วเมาอีกนั่นหละ 3.วันนี้ถ้าใครได้ตามใน Fanpage จะเห็นว่าผมด่าอะไรถามว่าเกี่ยวไหม ก็ไม่เชิง 4.ก็เมาและมึนเลยเขียนได้แค่นี้เพราะสุราและของมึนเมาทำให้เป็นบ่อเกิดของความมั่ว....จบไปอีกย่อหน้า

    ครับหาเรื่อง ตามชื่อบทความ หลังจากที่ I5 เปิดตัวไปก็มีรายการทางช่อง TVดาวน์เทียมรายการหนึ่งจับกูรู้ 3 ท่าน มาวิเคราะห์และพูดคุย ผมสนใจมากตั้งหน้าตั้งตาดูรายการเพราะคนส่วนใหญ่ Fail กับ I5 ซึ่งผมไม่ เลยอยากฟังความคิดเหล่ากูรู้ทั้งหลาย แล้วไอ้ที่ติดใจคือมีผู้บริหารอยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแรงบรรดาลใจให้ผมต้องเขียน Blog นี้ขึ้นมาก็เพราะเพื่อนของท่าน ขอด่าแบบเมาหน่อยว่าระยำมาก (หากอยากรู้ว่าเนื่องเป็นมายังไงก็ย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าๆได้ครับ) ท่านเกิดเป็นห่วงเสนอมาว่ากลัวคนจะเกินตัวมีได้เิงินเดือน9,000 แต่ไปผ่อนIPhone5 แล้วที่ผมหงุดหงิดใจคือ แม่ง(ขออภัยที่หยาบคาย) ย้ำอยู่ได้ว่ามันฟุ้มเฟือยบ้าง กากบ้างเพราะซื้อมาแล้วใช้ไม่คุ้ม ผมยอมรับสันดานส้นตีนอย่างผมฟังแล้วจี๊ดขึ้นสมอง ถ้าเป็นรายการสดอยากขับรถไปด่าถึงห้องข่าวจะได้ดัง(555) คือพี่ครับ เทคโนโลยีมันไม่ผิดนะครับมันผิดที่สันดาน ของไอ้คนที่พี่ด่าหละครับ เขาไม่.....ใช้คำว่าอะไรผมนึกไม่ออกตอนนนี้เพราะความเมา(เอาเป็นว่าหลายๆท่านที่ Like Blog ผมคงนึกคนออกนะครับกรุณานึกคำสวยหรูแทนผมหน่อย) บ้าครับไม่เจียมตัว สะเออะ อยากมีอยากได้ ...หาวอะไรก็ตามใจ กรุณาอย่ากวนตีนโทษเทคโนโลยีถูกไหมครับ เทคโนโลยี ไม่เคยทำร้ายใครมีแต่คนที่ใช้เทคโนโลยีนี่หละที่เอามาทำร้ายกันรวมถึงทำร้ายตัวเิองให้เป็นควายเป็นหนี้บัตรเครดิต....ใครจะซื้อเอามาโทรโก้ๆแต่ต้องเป็นหนี้ก็เรื่องของมัน เพราะ....อะไรอะ เมา(นึกไม่ออก) ใครจะขายตัวจะทำห่าเหวอะไรเพื่อให้ได้ของตามกระแสมาถือโก้ๆ ก็เรื่องของเขา     อย่างเดียวขออย่าไปโทษของ อย่าโทษเทคโนโลยีโทษสันดาน โทษสาัมัญสำนึกส่วนตัวไปเพราะฉะนั้นเครีย....เขียนถูกป่าวอะ ไม่ต้องแก้แต่ขอความกรุณาเข้าใจด้วยว่าคนเขี่ยนมันเมา...

    มายกตัวอย่างกันครับวันก่อนผมได้ไปรับแฟนเก่าแก้ไขความผิดที่ยอมรับว่าทำเหี้ยๆำไว้กับเธอ(หวังเพียงแค่จะแก้ตัวและให้เธอเข้าใจและให้อภัยว่าต่อไปนี้ผมขอโทษและจะทำทุกอย่างให้เธอรู้ว่าผมสำนึกจริงๆและอยากขอให้เธอให้อภัยและกลับมาให้ผมแก้ตัวบ้าง ผมออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อไปรับเธอ แต่สันดานติดกาแฟมันแก้ไ่ม่ได้ครับต้องแวะปั่ม ปั้ม ป๊ามมมมมม....หากาแฟหน่อยเข้า....(ขอไม่เอ่ยนามเพราะไม่ให้ค่าโปรโมทขนาดที่ผมสั่งกาแฟ (โอเลี่ยงอย่างที่ร้านกาแฟบางคนบอกว่ามันเหมือนโอเลี้ยงโคตรเจ็บใจเลยกูจ่ายโ้ว้ยโอเออที่ไหนมาเลี่ยงกู) พนักงาน คนชง หรือจะเรียก บาริสต้า กำลังชง วิทยุก็มีการพูดถึง Iphone5 ว่าน่าจะเข้าไทยพร้อมๆ กับเมกา(นั่นคือการคาดการณ์) คนชงที่กำลังทำกาแฟพร้อมเล่น IPhone ไปด้วย (อันนี้ตอบไม่ได้ว่า 4 หรือ 4S แม่งก็ดีใจขึ้นมาแบบออกนอกหน้าว่าดีๆจะได้ซื้อ หึ หือ อืือ คือ มึงทำกาแฟให้กูพร้อมกดโทรศัพท์ไป กูก็กลัวจะแดกไม่ได้อยู่แล้ว นี่มรึง...ดีใจสุดและจะเปลี่ยนเครื่องนี่มรึงบ้าไปป่าว...ผมยอมรับเลยครับอาการสีหน้าผมเหี้ยสุดๆ..กับการจ้องไปที่แม่ง(ขอไม่ระบุเพศกลัวเลวมากไปกว่าเดิม เออคือน้อง คุณที่ คุณท่าน กาแฟกูจะแดกได้ไหม แม่งสนใจมาก คือกาแฟจะแดกได้ไท่ได้ ปั้มหน้าผมมีเงินซื้อใหม่ครับ แต่ที่รับไม่ได้และไม่ได้ดูถูกอาชีพและไม่ได้ดูถูกใครนะครับ คือ เออมึงใช้ IPhone 4 หรือ 4S อยู่มั้ง มึ่งจะซื้อ IPhone5 ประทานโทษ ได้เงินเดือนเท่าไหร่วะ รวยจังเออคือไม่คิดจะเก็บจะอะไรบ้างเหรอ...ยังไงอันนี้ไม่ทราบครับๆไม่ขอด่าต่อไปนึกถึงยาวๆกันเอาเิอง เำพื่อไม่สบายพ่อตาย ผัวทิ้ง กิ๊กจุดไฟเผาบ้านแล้วจะมีเงินสำรองไว้ไหมหรือยังไงแต่นี่หละครับเป็นสิ่งที่ผมอยากบอกว่าเทคโนโลยีมันไม่ได้ผิดอะไรเลยอย่าไปโทษมันและบริษัทที่ผลิตมันมันผิดที่....สันดานมึงนั่นหละ

    จบ....และ ปล.ขออภัยด้วยหากบทความคราวนี้อาจจะหยาบ อาจจะแรง มั่วเขียนผิดถูกอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจภาษา เว้นวรรคไม่ดี ช่องไฟห่าง ก็จะไม่แก้ไม่ตรวจเพราะ เมา ให้พยายามนึกคำเอาเองนะครับ...บายครับพบกันเมื่อคนเขียนเมาและอารมณ์ฟม่นสุดๆ ไม่ก็ อยากเขียน...

    ทีแรกกะว่าจะไม่มีภาพแต่ขอซักหน่อย

ขอบคุณภาพจาก http://hitech.sanook.com (อย่าว่าหรือเก็บเงินกันเลยครับไม่มีปัญญาแน่นอน)



ขอบคุณภาพจาก http://www.techmoblog.com/iphone-5-priceด้วยครับผมอ่านข่าวเม็กโนโลยี่จากที่นี่หละ 555 เมา 



วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คนดีใช่ทำสังคมดี


ขอขอบคุณภาพจาก http://cartoon.mthai.com ครับ

    บทความนี้ต้องบอกเลยว่าขอยกประโยชน์ให้ MY FATHER เลยฮ๊าบ ก่อนอื่นก็ต้องขอกล่าว "สวีดัด" ท่านผู้ติดตามอ่านและติดตามด่า ฮ๊าบผม ห่างหายไปนานเนื่องจาก ปวดตับ ไข่ดันบวม อ่วมจิตใจ ไข้ใจแดกแถมขี้แตกเป็นบางเวลา ทั้งหมดเป็นข้ออ้างล้วนๆ อันที่จริงมันรู้สึกเบื่อๆครับ เบื่อโลก เบื่อสังคม แม้กระทั่ง เบื่อตัวเอง เลยไม่เขียนมันซะงั้น

    ม๊ะมาว่ากันที่ต้องยกประโยชน์ให้ พ่อก็เพราะว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาก ไม่ใช่ซิ 2 อาทิตย์ ที่ผ่้านมา ก่อนการเริ่มแข่งขัน Football EURO 2012 ก่อนนั้น1 อาทิตย์เราต้องเตรียมการช่ายไหมครับต้อง ซื้อจานดาวเทียม ซื้อกล่อง GMMZ (ถือว่าโปรโมทให้เขาป่าวนี่) เอามาติด ซึ่งกล่อง GMMZ ผมซื้อมาก่อนนานแล้ว(ขอค่าโปรโมทได้ป่าวอะ) แต่พี่ที่จะช่วยติดจานดาวเที่ยมไม่ว่าง ก็เลยเพิ่งได้ฤกษ์ติดเอาวันศุกร์ ที่ 1 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ใช้จานอื่นต่อกล่องดูไปก่อนแบบชักเช้าชักออก เข้าที ออกที ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับผม แต่พ่อผมมาปวดตับที่ คู่กระชับมิตร ดูไม่ได้จากกล่อง GMMZ ต้องดูเสาที่เราๆ เรียกๆว่า เสาตะเกียบเอา แล้วมันชัดที่ไหนหละครับ สบายกรูหละซิผมนึกแล้วก็คิดไม่ผิด พ่อผมชวนว่าพรุ่งนี้ไปซื้อกล่องกันอีกอันเอาตัวอื่น "มะรึง เอากล่อง GMMZ ไปดูห้องมึงเลย" อ้่้าว ๆ เข้าทางโจรซิครับ วันเสาร์เช้าเราเลยออกไป ซื้อกัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผมไม่สบายไม่ค่อยอยากเดินมาก พ่อผมนี่ซิแกชอบเดินแต่ก็ไม่ได้ไงครับเพราะลูกเทวดาอย่างผมไม่สบาย แกเลยต้องขึ้นรถสองแถว(บ้านนอกมะ) ออกจากซอยทั้งที่ปกติแกเดินเอา ซึ่งผมก็ไม่ได้ขึ้นนานแล้วหันไปมองราคา 8 บาท ผมจ่ายครับ เนื่องจากเศษเงินเยอะมาก ๆ ๆ เน้น เหรียญบาททั้งนั้น พอลงรถ พ่ิอซึ่งต้องกินข้าวตรงเวลา ก็บอกว่ากินข้าวก่อนนะ แล้วก็พาลคุยกันถึงค่ารถว่า เดี๋ยวนี้เก็บแพง อ้างว่าน้ำมันขึ้น พอน้ำมันลงก็ไม่ลดตาม อ้าวพ่อๆ ใครมันจะยอมหละคร๊าบ ลองได้ขึ้นแล้วมีที่ไหนจะลด แล้วก็พาลไปมอเตอร์ไซค์ปากซอย ที่ขึ้นเป็น15บาท....มั้ง(ไม่ได้ขึ้นนานเช่นกันผมมีรถขับ โชว์รวยหน่อย) อ้างน้ำมันขึ้นพอน้ำัมันลดไม่เห็นลดตาม อ้าวพอไปไกลละ เขาบ่นครับว่าเข้าซอยนิดเดียวกินไม่อิ่ม !!!! ไม่ใช่ ไม่น่าขึ้นราคา ผมบอกแกกลับผมว่าขึ้นไปเลย 20 จะได้ไม่ต้องคอยหาเหรียญ พกเหรียญให้หนักกระเป๋าและราคาน้ำมันก็ ขึ้นๆ ลง ๆ ใครเขาจะปรับตามหละครับพ่อ "มะรึง ก็อย่างนี้ ไอ้ลูกคนรวย" ถูกครับ ก็พ่อผมเป็นที่ปรึกษากรม...(ไม่บอกว่าเป็นที่ไหน) แุถมพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ตรวจบัญชีสหกรณ์และดูแลโครงการธนาคารโค - กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริด้วย ซึ่งผมคิดว่าพ่อผมเป็นคนดีมากขอชมพ่องตัวเองหน่อย ไม่คดไม่โกง ไม่อยากได้ อยากมี มีรถประจำตำแหน่งก็ไม่เอากลับเองโดย รถเมล์ เหตุผล ไม่อยากให้คนขับรถต้องตามส่งแก เขาก็มีลูกเมียต้องไปหา เออ เอากะเขา ผมอยากถามครับ มีใครคิดแบบนี้บ้างมะ พ่อผมนี่หละครับคิดได้

    จบไป1เรื่อง ยังไม่เข้าจุดสุดยอดครับแต่นี่เป็นตัวอย่างการคิดของพ่อผมนี่หละ เย็นวันนั้นผมต้องหาหมอครับ ก็ด้วยอาการข้างต้นสัก 1 อาการที่กล่าวมามันไม่หาย ระหว่างนั่งรอ หมอ ก็มีแมร่ง ลูก และพี่เลี่ยงเด็ก เข้ามา ผมก็เข้าใจว่าสงสัยเด็กไม่สบาย ไอ้นี่หละครับจุดสุดยอด ระหว่างนั่งรอคิว แมร่งอีแม่ หยิบ หุ่นอุลตร้าแมนไฮสปีดมาให้ลูกเล่น ไม่แปลกครับถ้าไอ้หุ่นตัวนั้นมันเป็นหุ่นธรรมดา แต่แม่งเสือกมีเสียง ชิบหายแล้วแม่งกดซะดัง ยังครับ ยังไม่พอ แมร่ง ของไอ้เด็กเวรนั่นหยิบมาให้อีก 1 ตัว โอ้เหี้ยละ ทีนี้หละมึง สุดตีน สองตัวอุลตร้าไฮสปีดเลยครับเสียงดังมาก ๆ ๆ ดัง ชิบหายเลย ผมก็คิดว่า อีพี่เลี้ยง อีแม่ จะดุจะบอกให้เด็กหยุดแต่ก็ป่าวครับ แถมเล่นด้วยกันเลย "เหี้ยจริง" ขอย้ำ "เหี้ยจริง ๆ" แทนที่มึงจะเตือนลูกมึงเอาด้วย ฮั่นแน่ต้องมีคนเตือนครับใครหละถ้าไม่ใช่ผม....แต่เดี๋ยวก่อน พ่อผมเดินเข้ามาในร้านหมอครับเล่นเอาผมอึ้งนึกในใจเวรละโจรอย่างผมเหมือนเจอตำรวจอะครับ กะจะเตือนจะบอกกล่าว พูดไม่ออกครับเพราะผมรู้ว่าพ่อผมไม่ชอบให้มีเรื่อง ทะเลาะ หรือ อะไรกับใครนัก ผมได้แต่นั่งเงียบและทนฟังเสียง ปิ๊ว เพี้ยว ฟ้่าว เหี้ยห่าอะไรที่ออกมาจากหุ่น 2 ตัว โดยที่ไม่มีใครบ่น เพราะ ก่อนหน้านั้น ป้าที่เป็นคนจัดยาก็บอกแล้วว่าให้หยุดแต่ อีกแม่ลูกและพี่เลี้ยงสารเลวก็มิหยุดไม่ จนสุดท้ายถึงคิวครับ อีเวร ไม่ใช่ลูกมึง แต่เป็นอีตัวแม่ครับที่ไม่สบายมาหาหมอ พระเจ้า มึงเหี้ยมากๆ ขอด่าอีกรอบ แม่งถือโอกาสพาลูกออกมาเล่นด้วยมั้งมันคงคิดว่าข้างนอกเป็นสนามเด็กเล่นทุกที่แล้วมันก็ออกไป ความสงบเข้ามา ผมเลยบ่นกับพ่อครับ ว่าถ้าพ่อไม่มาผมจะ เตือนซะหน่้อยทำแบบนี้ไม่ดี คิดไม่ผิดครับ พอผมด่าสวน มึงก็งี้ชอบยุ่งชอบหงุดหงิดชาวบ้านเดี๋ยวก็มีเรื่องกับเขา นู้น นั่น นี่ สารพัด สารเพ กูผิดอีก ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ นี่หละครับ พ่อคนดี ถ้าสังคมเราไม่มีการตักเตือนบอกกล่าว คนที่ทำผิดมันก็ทำผิดอยู่อย่างนี้เพราะคนเหล่านั้นคิดว่าที่เขาทำไม่ผิดเพราะไม่มีใครเตือน หรือกระทั่งบางทีบางครั้งเตือน ก็ไม่สนใจ กูจะทำมีอะไรหรือป่าว สังคมมันเป็นแบบนี้มานานแล้วครับเพราะคนผิดไม่เคยถูกตักเตือน หรือบางทีคนที่เข้าำไปเตือนก็โดนด่าโดนทำร้าย เลยไม่มีใครที่กล้าเตือนกล้าที่จะบอกเพราะคนดีไม่อยากมีปัญหากับคนไม่ดี คนดีกลัวที่จะต้องมีปัญหากับคนอื่น สังคมเราทุกวันมันจึงมีแต่คนที่ทำตามใจตัวเองจนสังคมมันแย่ลงทุกวันๆ ...คนดีบางครั้งก็มิใช่ทำให้สังคมดีได้

ขอบคุณภาพจาก http://nacharee.blogspot.com
อยากเป็นอุลต้าแมนกระโดดเต๊ะอีแม่-ลูกมาก

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำพูดโดนใจ กรณีผีอีแพง(ผีเอวลอย)

    หายไปกันพักใหญ่กับการUPDATEบทความ ที่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนสนใจ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะผมเขียนตามอารมณ์ผม บอกแล้วมันไม่จรรโลงใจหลอกครับแต่ผมอยากให้มันจรรโลงโลก ซึ่งมันไม่มีการวางโครงเรื่องก่อนเขียนทำให้น่าอ่านน่าติดตาม ไม่มีการคิดว่าวันนี้จะต้องเขียนอะไร ซึ่งวันไหนผมไปเจออะไรที่มันสุดทนมาอยากซัดอะไรก็ซัด อยากด่าอะไรก็ด่า เพื่อให้หลายๆคนที่ผ่านมาอ่านแล้วปรับปรุงหรือไม่ทำอย่างที่ผมบ่นแค่เพียง 1  คนจริงๆครับที่เข้ามาอ่านแ้ล้วเห็นด้วยหรือคิดว่าเออมันก็ใช่เนอะ ประมาณว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ควรทำและคอยตักเตือนไม่ให้คนรอบข้างที่รู้จักทำกัน 1 เสียงผมก็ถือว่าคุ้มที่ได้เขียนได้ทำมันครับ 

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.sanook.com และ ตามลายน้ำช่อง3ครับ

ความตายมันยุติธรรมจะสูงต่ำ รวยจน
สุดท้ายทุกคนต้องตายเป็นผีเท่าๆกัน

    โปรยหัวมาด้วยคำพูดตัวแดงโตๆ แล้วทำไมต้องเป็น "กรณีผีอีแพง" ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่ค่อยชอบดูละครไทยซักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าหัวสูงหรือกระแด๊ะ แต่เนื้อหามันก็วน ๆ อยู่แบบเดิมๆ ไม่ก็เอาเรื่องเ่ก่ามาทำใหม่ แล้วโปรโมทใหญ่โตให้ฮือหากับพระเอกนางเอกใหม่ สุดท้ายก็แนวเดิม พระเอกโคตรคนหล่อรวย.....ใหญ่ มีตัวร้ายแอบชอบ แล้วก็ตาม กรี๊ดๆ ๆตัวนางเอกตลอด มีการวางแผน คิดแผน ลับ ลวง พลาง ต่างๆ นานา ในอดีตนางเอกต้องเป็นลูกคนรวยแต่โดนขโมยไปตั้งแต่เด็ก ไม่ก็โดนเมียน้อย เมียใหม่เจ้าคุณพ่อใส่ร้าย หรือชอบกัดกับพระเอกทั้งๆที่แอบชอบ(แล้วพวกมึงคุยกันดีๆไม่เคยได้ด้วย) บอกตามตรงโคตรเบื่อ อีกอย่างนางร้ายต้องนมหลุดอ่อยพระเอกตลอดทุกครั้งที่เจอหน้าแต่แม่งไม่เป็นผล(เป็นชีวิตจริงกรูว่ามึงโดนนานละอุ๊บ!! ขออภัยหยาบโลน) นางเอกก็ต้องดีแสนดีอะไรทำนองนี้ ซึ่งล่าสุดผม ตามดูเรื่อง "แม่ยายที่รัก" บอกตามตรงชอบความฮาของหลายๆตัวละคี และแนวสอนของหนังที่หยิบยกเรื่องความรักแบบ "รักจริงรอได้" ผมว่าดีมากที่เน้นเรื่องความรักที่บริสฺุทธิ์ ทั้งๆที่พระเอกเมื่อก่อนแสนจะ เจ้าชู้ คาสโนว่า หล่อรวย น่ารัก แต่พอมารักนางเอกก็กลับตัวซะงั้น(ใช่มะ) เรียกได้ว่าพ่อคนดีที่น่าจับจองกันทีเดียว และเนื้อเรื่องเน้นเรื่องความรักที่ย้ำถึงการรักกันต้องมีความยับยั้งไม่ฟิตเจอริ่งกันก่อนแต่ง(ไม่ชิงสุกก่อนห่ามเพราะสมัยนี้ยังไม่ทันห่ามแม่งก็หามขึ้นเตียงแล้ว) พอจบผมก็คิดว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้วเพราะดูตัวอย่างแต่ละเรื่อง หน่ายมาก ยิ่งพอเห็นช่อง 3 โปรโมทเีรื่อง "บ่วง" บอกตามตรงผมคิดว่าเอาอีกละเอากลับมาสร้างใหม่ทำได้แค่นี้กันช่ายไหมวงการหนังไทยทำไมไม่คิดไม่สร้างหาอะไีรใหม่ๆ แบบSeriesสืบสวนแนวๆ"C.S.I" หรือเรื่องจิตวิทยาแบบ"LIE TO ME" ขนาดเกาหลี ญี่ปุ่น ยังมี "MR.BRAIN นายอัจฉริยะ" หรือ "LIAR GAME เกมหลอกคนลวง" ที่ดูแล้วได้แง่คิด แนวคิด ประเทืองปัญญา มีึความรู้ มีสาระ มากมายไปหมด ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ได้ยินแต่เสียงแหกปาก กรี๊ด ๆ ๆ (แม่งหนวกหูมาก) เออๆได้ครับ ได้ความคิดแนวๆใส่ร้าย แย่งผู้ชาย บอกตามตรงถ้าผมเป็นพระเอกผมเอาแม่งหมดหละ อีตัวร้าย อีเพื่อนตัวร้าย ที่คอยช่วยเหลือช่วยวางแผน ทั้งๆที่จริงก็จ้องจะเอาพระเอกมาทำผัวเหมือนกัน นางเอกนี่ไปใหญ่ ผมให้หมดใจอะไร ๆ ก็ยอมกูทุกเรื่องมึงดีมากกูก็รักมึงมากแต่ไม่แสดงออก ถ้าเป็นผมกูกวาดเรียบเพื่อจะได้ปรองดองกัน(ใครจะว่าผมเลว"ยอม"สั้นๆ) 

    มาถึงคำพูดของอีแพง(กลับไปอ่านตัวแดงๆด้านบน) ผมชอบมากครับ แบบว่าเปลี่ยนช่องนั้น ช่องนี้ หลังอาบน้ำเสร็จ เลยเปิดทีวีเล่น ๆ ก่อนไปทำอย่างอื่น มันมาเจอะ เข้ากับฉากประมาณที่ท่านคุณพระเอกฟิตเจอรี่งกับตัวร้ายที่โดนผีอีแพงสะกดเสร็จแล้วนางเอกกลับมาเจอเลยกรี๊ด ๆ ๆ ๆ แล้วเป็นลม(มีกรี๊ดอีกแล้ว) ผ่านมาถึงฉากที่(ออกตัวก่อนเล่าผิดถูกมั่วฉากสลับตอนขออภัยยาวๆ) แม่นางเอกออกมาจิกหัวตัวร้ายแล้วด่า ซึ่งแกก็เป็นผีมาคอยดูแลลูกเพราะบ่วงกรรมที่เป็นห่วงลูก ฉากนี้น่าจะเป็นผีคุณหญิงอบเฉย ด่าว่าอะไรตัวร้ายซักอย่างนี่หละแล้ว ผีอีแพงโผล่มาตะคอกด่าสวนว่า "กูไม่กลัว (นั่นเอากะมัน) ตอนมีชีวิตอยู่มึงเป็นนายกู (นั่นมันรู้ด้วย) แต่ความตายมันยุติธรรม จะ สูง ต่ำ รวย จน สุดท้ายทุกคนต้องตายเป็นผีเท่าๆกัน มิหนำซ้ำอยู่เป็นผีบ้านผีเรื่อนที่ปกป้องลูกหลานไม่ได้ 555 (แม่งหัวเราะโดนใจมาก แต่โหนี่ถ้าเรื่องจริงตอนยังไม่ตายเป็นขี้ข้าอยู่สงสัยโดนลากไปโบย) แต่ผมฟังแล้วโดนครับมันก็พูดถูกของมัน ถึงสัจธรรมตามความเป็นจริงเลยนะ เออว่าแต่มึงฉลาดมีสำนึกแล้วทำไมมึงถึงไม่คิดกลับกันบ้างหวะ ว่าที่มึงทำมาชาติก่อนอะมึงโคตรเลวเลย หรือ ฉลาดนำหน้านายกหญิงวะ มึงคิดไปเอง เข้าข้างตัวเองดีมาก เลย คือทั้งหมดประโยคนี้ประโยคเดียวผมว่ามันจบนะครับ แต่ผมว่า อีเอวลอยนี่ คิดไปเองแบบเข้าข้างตัวเองอย่างเดียวเลยครับ ไอ้ประโยคที่มันพูดมันเอามาด่าคุณหญิงมันก็จริง แต่เขาสอนโว้ยว่า ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ มันวัดอะไรไม่ได้แล้วที่เหลือทิ้งไว้มันก็คือความดี(อาจไม่ถูกทั้งหมดนะครับลองหาศึกษากันดู) นี่มึงเล่น ตัดทอนความคิด แล้วคิดเข้าข้างตัวเองไปเองว่ามึงกะกูตายห่ากันแล้วเท่าเทียมกันละแบบนี้คิืดเข้าข้างตัวเองเพื่อทำเลวชัดๆ ผมว่าปัจจุบันคนในสังคมปัจจุบันคงมีแนวทางการคิดกันแบบนี้เยอะนะครับ สังคมมันเลยวุ่นวาย ไอ้ที่คิดกันไปเองเข้าข้างตัวเองที่หยิบความคิด หรือ คำสอนดีๆมาคิดไปเองแบบตัดทอนหรือหลงทางแล้วเข้าข้างความคิดตัวเอง

    จบ เท่านี้หละครับ สั้นๆ  (แต่บทความผมไม่เคยสั่นได้เลย) ผมไม่รู้อะนะเรื่องนี้คนเขาติดตามกันเพราะอะไีร แต่ ชอบแง่คิดและคำพูดของหนังเหมือน กัน ถ้า 1 ส่วนที่ดูละครแล้วย้อนเอามาเอาดูตัวไม่แค่ดูแล้วผ่านไปก็ดีซินะครับ โอ้ๆ NO NO ไม่ใช่เอาความอจฉาริษยามานะครับ เอาแง่คิด คำพูดหรือการดำเนินชีวิตที่ดี ๆ มาใช้นะครับ สงสัยเสียจริงพวกที่เอาเปรียบสังคม เขาคงคิดไปเองว่า ไอ้ที่ตัวละครเลวๆพูดมันเป็นสิ่งที่สมควรทำ !!!

เอาภาพสวยๆปกติมาฝากบ้างข้างบนมันดูโหดไปหน่อย
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.sanook.com และ ตามลายน้ำช่อง3ครับ
   
    นิดสุดท้ายคำพูดที่แม่งอีแพงพูด(เขาเรียกว่าสอน ด่า หรือ บ่น ก็ไม่รู้)อยากให้ไปตามหาดูกันไม่กล้าเอามาลงเดี๋ยวโดนฟ้องผมว่ามันสะท้อนความคิดของคนหลงผิดได้ดีทีเดียวเลยครับ

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่

    หลังจากที่เรื่องของไอ้จุกพ้นมลทินไป ผมก็ยอมรับตามตรงเลยว่าไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วหละ แต่จนแล้วจนรอดก็มี Tweet "เอี้ยๆ" ลงท้ายว่าเดี๋ยวเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"(ขอด่าแรงๆประสาเพื่อนหน่อยแล้วกันนะครับคนเรามันส้นตีนมากโทรไปไม่รับแต่กูTweetห่าอะไรมันเสือกตามตอบได้โดยอ้างเหตุโทรศัพท์เสียเสียงโทรเข้าไม่ได้ยิน อ้าวแล้วมึงไม่ซื้อใหม่เสือกซื้อ Tablet ซึ่งมันอ้างว่าเอามาทำงาน) 

    กลับมาเรื่องประโยคที่ว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" โดยส่วนตัวผมเข้าใจต้องเป็นข่าวอะไรใหญ่โตแน่ๆเช่น มีการฟ้องร้องเรื่องครูลวนลามเด็ก หรือ เด็กตบตีกัน เลยออกไปหาหนังสือพิมพ์หัวเขียว หัวดำอะไรดู แต่พลิกไปพลิกมาก็ไม่เจอ? จนเจ้าของร้านหนังสือมองหน้า(ทีแรกกะจะถามเขาไปว่า "มองอะไีรเดี๋ยวเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" แต่ก็ไม่กล้าครับกลัวเขางง เลยโทรไปหาไอ้ตัวต้นตอที่มันชอบTweetตอบผมทุกเรื่องและล่าสุดมันก็Tweetตอบและมีประโยคต่อมาว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่) จึงได้เรื่องว่า ประโยคนี้เป็นกระแสที่กำลังมีการส่งต่อ(RT)แบบเรียกได้ว่าเป็นกระแสนิยมในช่วงนี้ใครไม่เอาคำนี้มาTweet หรือ RT "แม่งเชย" ผมหละอ๊าย.....อาย โคตรเชยเลย สิ่งที่ทำได้คือกลับบ้านมาถามอากู๋(Google) ซึ่งกู๋แกไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพียบครับ แต่มันเป็นแค่คลิปเด็กน้อยใจเพื่อนก็เลยอัดคลิปเชิงต่อว่าเพื่อน บวกอารมณ์ระบาย แค่เนี๊ยะ!! ผมหละงง ทำไมมันเป็นประแสได้ ถึงขนาดมีคนแต่งเพลง ทำคลิปล้อเลียน ทำFan pageให้ด้วย เอ้า..เอากะเขาซิครับ ผมอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจเลยว่าแค่นี้นะมันเป็นกระแสได้ ถึงกับต้องลงทุนโทรไปหามัน(มันในที่นี้คือไอ้คุณ9กาลาโต้)อีกหลายรอบเพราะมันไม่รับจนสุดท้ายก็ต้องใช้มุข Tweetหา "ถ้ามึงไม่รับโทรศัพท์กูเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ไวเหมือนจุดธูปครับมันTweetกลับทันควันแล้วรับโทรศัพท์ผมได้ด้วยเอากับมันดิ(ทำเหมือนตอนเรียนมันมีคุณครูชื่อ คุณครูอังคณากะเขาด้วย) ได้เความว่าคนในสังคม Social Network เขา Tweetกันเพียบเรียกได้ว่าใครอยู่ในโลกของ Social Network ไม่พลาดที่จะTweet ประโยคนี้ ซึ่งไม่เว้นทั้ง อาจารย์นักการตลาดชื่อดังก็เอากะเขาด้วย ข่าวก็เอาไปลง มีการสัมภาษณ์กันด้วย "GO SO BIG ม๊าก" ผมถามดังๆ "มันขนาดนั้นเลยเหรอวะโคตรปัญญาอ่อนเลย" ผมนึกในใจ "เรื่องแม่งโคตรปัญญาอ่อนไร้สาระเลย เอามาเป็นกระแสได้ แม่งคนเราเพ้อเจ้อมาก" แต่ก็ดีครับทำให้ผมมีเรื่องเขียนบทความ
    
    เรื่องนี้อันที่จริงผมว่ามันไร้สาระมากและผมก็ไม่สนใจ แต่ทีี่มาเขียนเป็นบทความก็เพราะผมไตร่ตรองดูว่าคนเราบางครั้งมันไม่สมควรเอาเรื่องที่มันไม่น่าจะเข้าเรื่องมาสนใจกัน ถึงขั้นทำให้มันเป็นกระแสถึงขนาดนี้ ถามว่าผิดไหม? ไม่ผิดเลยครับ สนุกได้ ลั้นลากันได้ แต่ขอเจาะจงกับการTweetที่เกิดขึ้นจากบุคคลที่มีคนให้การนับถือ ซึ่งถือว่า มีทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ รวมถึงมีชื่อเสียงที่สามารถเอามาใช้เป็นอาวุธสร้างความดังให้ตัวเองได้ในโลกยุค Social Media (Network ด้วย) ผมว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก มันก็เลยทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสกันเพิ่มขึ้น ตอบอีก ผมว่าต้องมีคนต่อว่าผมแน่ๆ ทำไมเป็นคนดังเป็นคนมีความรู้Tweetสนุก ๆ ไม่ได้หรือไง ผิดเหรอ คนอื่นเห็นยังไงผมไม่รู้ แต่โดยส่วนตัวผม ตอบได้ว่า "มันไม่เหมาะสมครับ" ไม่งั้นจะยกย่องทำไมว่าผู้นั้นมี คุณวุฒิและ วัยวุฒิ... จบแบบนี้เลยแล้วกัน  
    
    มาถึงการพูดถึงน้องคนนั้นว่าผิดไหมได้รับผลอะไรไหมผมว่าคงมีคนรู้เรื่องเยอะแล้ว บอกตามตรงผมสงสารคุณครูอังคณาเลยครับ เท่าที่หาข้อมูลในอากู๋ ท่านดังไปแล้ว มีคนหาข้อมูลท่านมาลง เอารูปท่านมาลง คนโทรหาท่านเพียบ(ครูดังแล้ว) แต่ผมคิดกลับนะครับ เรื่องนี้มีผลกระทบอะไรไหมต่อหน้าที่การงานของท่าน จะถูกเบื้องบนตำหนิอะไรไหม จะมีคนต่อว่าท่านไหม อันนี้บอกตามตรงผมไม่คิดจะตามข่าวท่านต่อครับ(สงสารท่านจริงๆ) แล้วน้องคนนั้นจะบาปไหมผมไม่รู้แต่มันเป็นผลกระทบไปแล้วหละน้องผมบอกได้แค่นี้ ทั้งหมดมันผิดที่ไม่น่าเป็นกระแสจากคนที่มีคุณวุฒิ และวัยวุฒิ Social Media มันน่าจะนำมาใช้ในเชิงสร้างสรรค์และมีประโยชน์มากว่านี้ครับ....

    วันนี้คงไม่มีรูปอะไรลงนะครับเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากๆครับแต่อยากให้ดูให้อ่านความคิดเห็นของบุคคลากรหลายๆท่านครับ
อันนี้อาจเป็นผลสะท้อนถึงสังคมนะครับ

ศธ.หวั่นกระแส'ครูอังคณา'ลาม จี้ผู้ปกครอง-ครูดูแลใช้แท็บเลต
บทความจากข่าวนี้มันก็สะท้อนเรื่องแท็บเลตที่กำลังจะมีให้เด็กใช้ในอีกไม่นานนี้ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

สมภารเซ้งโบสถ์

ต้องขอขอบคุณ VDO อัปโหลดโดยคุณ  ครับผม

    เสาร์ที่ผ่านมาเจ้า้ของ Blog กาแฟ ชวนไปเดินชมงานแสดงสินค้า ประมาณว่าชวนเราไปจะได้หา idea ใหม่ๆด่าชาวบ้านกันซะอย่างงั้น รวมถึงคุณท่านเองจะได้หาเรื่องจะมาลง Blog ของตัวเองด้วย พูดกันประสาเพื่อนๆ แม่งเอาคุ้ม ไปที่เดียวได้หลายต่อ ถามว่าผมอยากไปไหม? ร้อนอะ คนก็เยอะ แถมเิงินเดือนนี้ก็เอาำไปกินเบียร์แดกเหล้าหมดแล้ว(พูดตรงๆเลย) แล้วก็ยังไม่มีรมณ์เขียน(จบมะ) แต่ก็ไป ระหว่างทางก็คุยกันเรื่อยเปื่อย น้ำตกซกเล็ก(มันยาวเพราะไอ้คำนอกเรื่องนี่หละแต่ก็จะเล่นมีไรมะ?จบม๊ะ!) ว่าอยากให้ผมเขียนเรื่องพระ "ระยำแท้เหลา" แค่นี้ก็เอี้ยพอแล้ว ทั้งๆที่ก็ด่าอยู่บ่้อยๆ ด่าเป็นประจำกับไอ้พวกที่เอาผ่าเหลืองมาหากินแต่จะให้ด่าแบบออกนอกโลกแห่งความเป็นจริงสู่โลกเครือข่าย (Social Network) มันจะดีหรือ? ไม่ดีแน่ครับ เห็นจะไม่เข้าท่าแต่จะเข้าคุกซะก่อน "ผมบอกแล้วเสนอกันได้แต่ิอาจไม่เขียน" อย่างที่บอกในFanPageที่มีคนLikeกันน้อยนิด ส่วนใหญ่จะหนักไปในทางกดไล่กันซะเยอะ "ถ้ามีปุ่มนี้นะ" แล้วไอ้เลวนี่ก็เกิด พุทธิไอเดียหรอกให้ผมฟังเพลงเพลงหนึ่งว่า "เออมีเพลงคาราบาวให้ฟังมึงต้องชอบแน่ๆ" ผมสวนทันที "กูไม่ชอบ" (ป๊มไม่ได้ว่าปี้แอ๊ดนะครับ) ผมไม่ค่อยชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตเพราะชีวิตปกติส่วนใหญ่ของผมมันก็บัดซบอยู่แล้ว ด้วยความเป็นคนตามใจชาวบ้านแบบไม่ทันตั้งตัวมันเอาหูฟังยัดใส่รูหู(ไม่รู้รูเดียวกับน้องจ๊ะอะป่าว)แล้วเปิดทันที แล้วมันก็ถามว่า  "เป็นไง" (เออกูขอฟังก่อน) จบเพลง!!ชอบครับเออโดนใจหันไปฮากับเนื้อเพลงแล้วบอกมันเออหวะพี่แกไปโดนใครโกงที่มาก่อนหรือป่าววะ หรือว่า แกเคยโดนพระโกงเงิน แต่งซะนึกว่าเป็นชีวิตจริงของแกเลย ขอย้ำอีกรอบ"เหมือนเคยโดนมากับตัว(แต่งได้ใจมาก)" (ในที่นี้คำว่า "แก" คือป๋าแอ๊ด) ต้องบอกนะครับถึงผมไม่ชอบฟังเพลงเพื่อชีวิต แต่เพลงของป๋า(แอ๊ด)เท่าๆที่เคยฟังเพลงมามันตรงกับชีวิตปกติชนมากครับมันถึงได้เรียกว่าเพลงเพื่อชีวิต มันเหมาะสมจริงๆ

    สมภารเซ้งโบสถ์ แล้วยังไงมันถึงมาเป็นบทความได้ จะฟังไหมยาวนะ เรื่องมันเกิดตั้งแต่สมัยพระเ้จ้าอโศกมหาราช ไปตีเมืองย่างปู(พอเนอะ) จบๆ....

    ก่อนที่ผมและเพื่อนจะแยกกันเขียน Blog โม้หน่อยว่าเคยทำรายการวิทยุ online ซึ่งยุบไปละ ก็ทำกับไอ้เจ้าของ Blog ที่ชอบ รีวิวร้านกาแฟ ตอนเด็กให้พาไปเที่ยวแล้วแอบไปนั่งร้านกาแฟตอนเด็กเดินซื้อของ(มันใช้มุขว่าแก่แล้ว เมื่อยแล้ว ไปเดินคนเดียวได้ไหมส่วนตัวมันขอหาร้านนั่งรอ ที่ไหนได้มันแอบไปนั่งร้านกาแฟและรีวิวกันซะอย่างนั้น เอ้าลุกขึ้นครับ เชิญยืนอาลัยให้เด็กมันหน่อย) ซึ่งรายการที่ทำก็หนีไม่พ้น ประเภทตามด่า ตามทะลวงไส้พวกใช้ผ้าเหลืองหากิน เรียกว่าเห็นมายังไงก็เอามาด่าอย่างนั้น ได้ยินได้ฟังมาแบบไหนก็เอามาด่ากันซะให้หนำใจ สุดท้ายด้วยความกระเบื้องของ คุณท่าน "ตากาลาโต้" เลยต้องเลิกจัดไป ก็พอดีครับไม่งั้นป่านนี้อาจไม่พ้นแดน วรเวช ณ.บางขวาง ก็เป็นไปได้(เข้าใจกันเอาเองแล้วกันนะครับคำนั้นไม่อยากให้มีอะกลัว!! ผมก็ไม่ยอมเลิกตามด่าอยู่ครับแต่เปลี่ยนแนวจากด่าอยู่กลุ่มเดียว กลายเป็นด่าแม่้งทั้งจักรวาล จนมีคนถามว่าชีวิตไม่พบเจอะเจอคนดีบ้างเหรอ ขอไวท์บอร์ดครับ ตอบครับ "เจอครับแ่ต่น้อยมาก" ซึ่งก็เป็นที่มาของBlog armopenmind และ Fanpage  อกแตก(ศูนย์บรรเทาคนคับอก คับใจ) ซึ่งจริงๆแล้ว อกแตกเป็นชื่อของช่วงหนึ่งช่วง ของรายการที่ได้เคยจัดกันครับ มันก็คล้ายๆกับบทความของBlog นี้หละครับที่เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรมาก็เอามาด่า ๆ ๆ ซะไม่งั้นไม่ได้ระบายแล้วอกจะแตก ขอเชิญร่วมกันไว้อาลัยรายการด้วยครับ

    กลับมาที่เพลงสมภารเซ้งโบสถ์ ผมฟังแล้วมันโดนหลายประโยค ชอบมากับเด็กนรกฟังแล้วฮาไ้้ด้ใจที่นี้จะมาพูดเนื้อเพลงทุกประโยคมันก็ยาวอีกแน่ ๆ ก็เอาท่อนที่ผมฟังแล้วโดนมาก ม๊าก (ต้องเขียนยังไงถึงจะออก แนวมากแบบ เซาะกราวได้หว่า) มาเขียนดีกว่าครับ 
    
   ปล.โปรดฟังเพลงปรากรอบแล้วมันจะIN(อันที่จริงให้ฟังไปด้วยอ่านไปด้วยจะได้อ่านไม่รู้เรื่อง)

สมภารเลี่ยมเป็นพระใจถึง ทั้งๆที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจ ถึงจะบวชได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ความหัวไวแกจึงได้เป็นสมภาร  ประโยคนี้ผมไม่รู้น้า(เดี๋ยวน้าเดี๋ยวป๋าอย่าถือเอาอารมณ์ผมเป็นอารมณ์นะครับ) แกสื่อถึงอะไรยังไงแต่ผมเข้าใจว่า น้าแกด่าแดก ประมาณว่า ชื่อเลี่ยมเลยหัวไว หัวใสแบบ หัวแหลม หัวเหลี่ยม(อุ๊บไปพาดตีน เอ้ยพาดผิงใครป่าววะ)และไอ้ความฉลาดเลยได้ชื่อเสียงยศศักดิ์ ความไว้วางใจแบบไ้ว้...ไว 

ก็แล้วใครจะเชื่อเด็กสร้าง บ้านมากกว่าเชื่อสมภารที่สร้างโบสถ์สดใหม่   ตรงๆดีครับกับท่อนนี้กับการเปรียบว่า คนที่ทำประโยชน์หรือทำอะไีรให้ตัวเองเป็นที่รู้ว่าทำประโยชน์นั้นเพื่อสังคมมักได้รับความเชื่อถือยกย่องเป็นธรรมดา แล้วถ้าอยู่ๆ เกิดมีใครก็ไม่รู้มาว่าหรือกล่าวหาว่าคนนั้นเป็นคนไม่ดีใครจะเชื่อทั้งๆ ที่มันอาจเป็นความจริง และไอ้คนที่พูดหละจะโดนว่ากล่าวกลับ ชีวิตจริงมันก็เป็นแบบนี้กันเยอะ 

รังษีของโบสถ์มันบังตา เสริมสร้างศรัทธาให้ผู้คนเห็นใจ แม้เรื่องอาบัติจะตามมาอีกมากมาย มันซุกมันซ่อนอยู่ในจีวรกันวุ่นวาย แต่ผลสุดท้ายไอ้จุกต้องถูกไล่ออก..จากวัด  ตรงตัวครับก็ประโยชน์ทำไว้ให้เยอะใครจะเชื่อว่านั้นเป็นฉากปิดบังความเลวทรามหละครับ ผิดกับไอ้เด็กซึ่งพูดความจริงแต่ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใครประจักษ์ ความจริงก็ถูกเบียดบังจากความลวงหลอกได้ ปกติชีวิตจริงๆ 

แต่สัจธรรมก็ปรากฎเป็นจริง เมื่อสมภารเซ้งโบสถ์ให้กับเจ๊ก ชื่อว่าเถ้าแก่เสกเจ้าสัวเมืองสิงค์ ถูกกฎหมายชอบธรรมมันก็จริง แต่สิ่งที่ไม่เหลือคือความศรัทธา...ศรัทธา...ความศรัทธาที่เงินตราซื้อไม่ได้ ความศรัทธาของประชาชนไทย ความศรัทธาที่ไม่เหลืออีกต่อไป เมื่อผู้คนจับได้ หลังสมภารเซ้งโบสถ์   อันนี้งงไปใหญ่เมืิองสิงค์ไหนหว่า จะว่าสิงห์บุรีเหรอก็ไม่ได้เขียนแบบนั้นนี่หว่า(ป๋าสื่ออะไรผมงงหวะ) แต่คำว่าความศรัทธานี่หละครับสร้างทุกสิ่งได้ เอาศรัทธามาโกโหกันมันง่ายด้วย เอาศรัทธามาเป็นฉากกั้นความชั่ว ในเมื่อคนเราศรัทธาโดยไม่ใตรตรอง ก็ต้องรอความจริงปรากฏครับว่าแต่เมื่อไหร่ กว่าจะถึงตอนนั้นก็ไม่เหลืออะไรแล้วครับ 

ทุกวันนี้ฟ้ามีตาครับ แต่เปิดตาข้างเดียว อีกข้างนึงปิด? 

    สุดท้ายจบเพลง เข้าใจว่าประชาชนรู้ว่าสมภารเป็นอย่างไร ไอ้จุกมิได้โกหก แต่ไม่รู้ครับว่าเรื่องราวต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร สมภารโดนกระทืบ หรือหนีไป ดูไบ ไอ้จุก เป็นเด็กเร่ร่อนข้างถนน หรือใครรับไปเลี้ยง ชาวบ้านจะให้มันบวชแล้วยกวัดให้มันดูแลหรือป่าว ไม่รู้แน่ครับ ผมว่าน้าแกก็คงไม่ต้องการแต่งต่อ ไปถามแก แกอาจจะถามกลับว่า "มึงกวนตีนกูเหรอ" ป่าวนะน้า และผมก็ไม่คิดจะถาม ผมขอคิดของผมไปเองคนเดียว แต่ผมจะบอกต่อว่า ถูกต้องแล้วครับ(ทำปากจู๋ๆ ยืนมือออกไปชี้ด้วยนิ้วชี้เล็กน้อยแบบเสี่ยตา) ทุกอย่างมันจบแบบเลือนหายไป ก็เพราะว่า คนไทยเป็นแบบนี้หละครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรเดี๋ยวเวลาผ่านไปมันก็จะลืม เหมือนกับคำที่บอกว่า "คนไทยลืมง่าย คนใจดีให้อภัยง่าย" ผมขอถามกลับครับว่า "จริงหรือ? ลืมง่ายใจดี หรือว่าคนไทยไม่ชอบแก้ไขครับ ทำอะไีรที่ผิดไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเพราะรับความจริงไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำผิดพลาด มันคือการหลอกตัวเองหรือป่าวครับ?"

    สุดท้ายถามหน่อยว่าหลวงตาแกทำไรบ้างอะครับในเพลง ใครตอบผมหน่อยบทบาทแกมีแค่นี้เหรอแกไม่ช่วยอะไรไอ้จุกเลยเหรอ ทำไมแกเงียบเลยอะ 

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.isnhotnews.com
ภาพนี้ไม่มีอะไรขอคาราวะแด่ คาราบาวและน้า ป๋า ลุง แอ๊ด แล้วแต่ใครจะเรียกแล้วกันนะขอรับนายท่าน 

    ก่อนจบ ระหว่างเขียนน้องมันถามว่าพี่ไม่กลัวพวกโรยดอกไม้ กับ สี...เกลียดเอาเหรอ โห!! มีคนดูถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ ก็ต้องบอกว่า ผมเพิ่งอ่านเนื้อหาของเพลงว่าแต่งโดยมีเนื้อหามาจากเรื่่องอะไีรประมา๊ณไหน อย่างไร จาก คุณ  ที่อัพโหลด MV เพลงนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้จริง ๆ นะครับว่าจริงแท้แล้วเป็นอย่างนั้นไหม แต่จากเนื้อเพลงก็เออหวะมันไม่เกี่ยวกับสมภารเลยนี่หว่า  เมืองสิงค์ เมืองสิงห์บุรี และเจ๊กชื่อว่าเถ้าแก่เสก นึกว่าแกด่าเหมารวมคนไทยเชื้อสายจีนคนไหน ก็นึกอึนๆไม่พอใจอยู่นิดๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องอ๋อ เออหวะ ภาพใน MV มันก็ชัดซะด้วย แล้วอีกอย่างนึงตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันถึงเรื่องพระ แต่ก็คิดว่าคงไม่ไหวแน่ถ้าเขียนไปคงสบาย(ผมชอบกินข้าวมันไก่ซะด้วยข้าวสี ๆ ไม่ค่อยชอบถึงวิตามินมันจะเยอะ พอดีนึกถึงเพลงนี้ได้เลยหามาเปิดฟัง แล้วมันเกิดอาการคัน...ห.. (หัตถา) ขึ้นมาก็เ่ท่านั้นเอง  

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

งานแสดงสินค้า งานแสดงสันดาน

   เป็นที่รู้ๆ ทราบๆ กันดีว่าบ้านเราเมื่องนี้มีงานแสดงสินค้าบ่อยมาก ผมขอนับรวมหมดครับไม่แบ่งแยกงาน แสดงบ้าน รถ พืชสวน การท่องเที่ยว ฯลฯ หลายคนอ่านแค่ย่อหน้าแรกคงคิดในใจว่า "เอาอีกแล้วมึงมาด่าอีกแล้ว" ถูกครับ....แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่สนับสนุนหรือไม่ชอบการจัดงานเหล่านี้ครับ ชอบครับชอบมากด้วยกล้าบอกด้วยเลยว่าไปเดินบ่อยครั้งและเกือบทุกงานเสียด้วย ถึงแม้บางงานจะจัดบ่อยม๊าก...ก  ยิ่งบางงานจัดเพื่อสนับสนุน และแสดงถึงความสามารถของพี่น้องเกษตรกรไทย และภูมิปัญญาไทยผมยิ่งสนับสนุน เพราะฉะนั้นผมไม่ได้มาบ่นคนจัดงานและผู้มาแสดงสินค้าในงานเลยครับ แต่....ทุกงานครับ!!!

ขอบคุณภาพจาก http://news4apps.truelife.com/blog2/entry/29028

    จบย่อหน้าแรกที่ทุกงาน ช่ายครับทุกงานจะประสบความสำเร็จหรือลุล่วงตามวัตถุประสงค์ไปมิได้เลยถ้าหากขาดพวกเขาเหล่านี้ รวมถึงผมด้วย คือคนที่มาเข้าชมงาน หรือเรียกแบบบ้านๆเลยคือคนมาเดินเที่ยวในงานนั่นหละครับ ไม่ว่าจะมาเดินเลือกซื้อสินค้า มางานเพื่อเดินชมนิทรรศการณ์ที่จัดขึ้น มาเดินเล่นเฉยๆเดินเอาแอร์ เดินกับคนรักประหนึ่งปานว่าเดินเล่นพรอดรักกันที่ชายหาดอันแสนสวย(มีนะไม่ใช่ไม่มีลองสังเกตดูเอาครับ) หรือ ในห้าง เดี๋ยวทั้งหมดนี่ผมจัดให้

    สิ่งที่เราจะพบจะเจอตามห้าง ข้างทาง สะพานลอย ตลาดนัด ฯลฯ นึกอะไรออกนึกกันตามสบายเลยนะครับ(ไม่ปิดกั้นทางความคิด) เรียบเรียงได้ดังนี้เลยครับ
  1. พวกเดินแล้ว Social+ เป๊ะปะ เดินไม่ดูของดูงาน ดูแต่ IPAD IPHONE แล้วก็ TABLET คือเดินไป Facebook Twitter BB ไปเรื่อย หรือบางที่พี่ล่อ Check in ทุกบูธ บอกตามตรงผมไม่ว่าหรอกครับบางทีผมก็ทำ แต่อย่าให้มันเกินพอดี มาเดินชมมาเดินดูงานนะครับ ไม่ได้มาเก็บแต้ม มางานแล้วปฏิบัติแบบนี้ อยู่บ้านเถอะขอร้อง บอกตามตรงบางทีขวางทางครับขวางมาก หัดดึงเอาไอ้สิ่งที่เคยเรียนมาเอามาใช้บ้างครับ บางคนเขาต้องการมาดู หรือ มาซื้อของจริงๆ เขาเข้าไปเลือกไม่ได้เลยครับ ก็คุณมึ........ง เล่นยืนขวางแต่ไม่ได้ดูของนี่ครับ
  2. พวกช่่างกล้องอาชีพ คือประมาณว่าถ่ายแต่พริตตี้เป็นอาชีพ งานเขาจัดแสดงต้นไม้ กูก็จะถ่าย นม นม และ นม...ม งานเขาจัดแสดงรถแทนที่จะถ่ายรถก็ถ่ายพริตตี้ เคยสังเกตกันไหมครับ งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ หรืองานสัปดาห์หนังสือที่ไม่มีพริตตี้ จะไม่ค่อยพบเจอพวกช่างกล้องมืออาชีพเหล่านี้ ถ้าพวกที่มาจากหนังสือพิมพ์ หรือสำนักพิมพ์ที่เอาข่าวไปลงผมจะไม่ว่าเลย มันเป็นสีสัน แต่เอ มันเยอะไปป่าวมาจากสำนักพิมพ์หรือสำนักข่าวไหนครับเพียบเลย ถ้าลองเอาหัวหนังสือมาให้ถือคนละเล่มผมว่าไม่พอกับตากล้องครับ เยอะจัด ถามว่าผมเคยไหม เคยนะ แต่ก็ไม่เจาะจงทุกคนไป บางคนแต่ตัวไม่สวยไม่โดน หน้าตาไม่ถูกใจผมก็ไม่ถ่ายบอกกันตามตรง เลยนึกเป็นคำถามได้ว่า ไอ้ที่ถ่ายทุกงาน พวกพี่เอาภาพไปทำอะไร เยอะนะ แล้วเอาเก็บไว้ไหนกัน แล้วเอาไปทำอะไรกัน เอาไปดูระลึกอะไรเหรอครับ? เหมือนเดิมถ่ายได้ครับแต่อย่าขวางหรือทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ ถือกล้องกูเลยทำอะไรได้ตามใจ สั้นๆ พี่ขวางผมจะดูนมเหมือนกัน ไอ้เวร...!!
  3. พวกมาเดินโชว์โทรศัพท์หรือเดินคุยโชว์ ประมาณว่า เรื่องกูจะเป็นชู้กับเพื่อนเมีย พ่อเพื่อนมีเมียน้อยเป็นญาติโก โหติกา น้องชายจะไปล่อลวงคนใช้บ้านข้าง ๆ จะต้องมาคุยมาปรึกษากันในงานถ้าไม่ได้บรรยากาศเดี๋ยวสมองแม่งไม่แล่นกัน คิดและให้คำปรึกษาไม่ได้ พวกนี้จะคุยๆ เดินๆ หยุดๆ จับนู้น นั่น นี่ แต่ไม่ซื้อไม่สนใจ หยิบแตะ เจิมให้เป็นพิธีแล้วเดินผ่านไป  นั่งอยู่กับที่หรืออยู่ที่บ้านมันคิดไม่ออก เดินตามแล้วปวดกบาล ไม่ได้เดินตามหรอกนะครับแต่พวกนี้มันเดินไปเรื่อยอย่างที่บอก เดินๆเห็นหลังไวๆ ว่าไปบูธนั้น หันมาอีกที ว้ายมาอยู่หน้ากูซะละ 
  4. ตามมาติดๆ พวกเดินจูงมือกัน ประมาณว่าถ้าปล่อยอีกฝ่ายจะมลายหายไป หรือจะหนีไปมีชู้ พวกนี้จับมือกันแบบไม่ยอมปล่อยกันครับ คือบอกตามตรงผมไม่ว่านะครับ เข้าใจ แต่ ไอ้ที่เดินแบบช้า ๆ คุยกันแบบในโลกในงานนี้มีกูอยู่ 2 คน ในสวน อีเวร(สวนนี้อยู่ข้างๆสวนอีเดนครับ) เดินกันไปเหมือนเดินชายหาด แบบ "มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรายินเพียงแผ่วเบา ยินเพียงเสียงคลื่นกับเสียงเรา นกน้อย บินมาคู่กัน เคียงกัน  เหมือนดังใจเราผูกพัน....(เอาให้จบเพลงเลยดีม๊ะ) อยากเดินไปสะกิดแบบที่เขาด่าๆ กันเวลาเห็นคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันว่าไหงมึงไม่ไปเปิดโรงแรมเอ....ากันซะเลย ก็บอกอีกตามตรงไม่ได้ว่า แต่พี่ปล่อยมือบ้างก็ได้ึครับ บางทีึคนเขาเดินมาเขาต้องหลบให้ หรือหิ้วของมาหนักๆ ก็ต้องหลบให้ คุณสองคน ก็จูงมือแบบกั้นไม่ให้เขาผ่านไปได้เลย ถามจริงไม่รู้สึกว่ามันขวางคนอื่นเขาบ้างเหรอครับ "อ๋อไม่รู้สึุก?"
  5. กรณีนี้ที่จริงไม่อยากพูดครับเดี๋ยวหาว่าผมใจแคบ ครอบครัวเขารักกันมากันพ่อ แม่ ลูก แล้วยังจะมาหาเรื่องว่าแดกครอบครัวเขาอีก สันดานเสีย (ครับผมยอมรับ) แต่บางทีมางานบางงานไม่น่าพาลูกมานะครับถ้าคุณ รักลูกคุณจริงๆ ผมเห็นบางทีเด็กเล็กมาก ก็พาม....แบบกูคลอดปุ๊บหมอให้ออกจาก โรงพยาบาลได้ กูมาเลย(ถามจริงคุณคิดว่าถ้าหมดงานนั้นๆ แล้วของมันจะไม่มีเหรอครับ !! อ๋อไม่ได้ของแถม) ผมสงสารเด็กครับบอกตามตรงเจอทุกงาน ไม่เข็นรถเด็กก็หลับไป ไม่ก็อุ้ม  หนักเข้ามีพี่เลี้ยงอุ้มเดินตามด้วยและก็เด็กหลับ ใครที่เดินงานก็รู้ เสียงดังมากคงไม่ต้องอธิบายนะครับ ผมถามจริงถามหมอ หรือ หาอะไรใส่สมองบ้างไหม ไม่ใช้ไว้มีให้สันดานเลวๆไปฝังอยู่ เสียงดังๆ ตามงานที่คุณพาเด็กไปมันไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กเลยนะครับ คุณรักลูกคุณจริงหรือ รักยากโชว์ว่าครอบครัวน่ารักพ่อแม่ลูก พากันมาเดินชมงานพาลูกไปซื้อ ไปดู เด็กตายังลืมไม่ขึ้นเลยเขาจะเห็นไหมคับ  ตรงกันข้ามมันยังเป็นการทำร้ายลูกคุณทางอ้อมด้วย มาถึงข้อนี้บางคนมีเถียงผมครับก็เขาไม่มีเวลาไป ไม่มีคนเลี้ยงลูก ผมถามซักคำ รักลูกจริงรอหน่อยดิงานไม่ได้มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ให้เขาโตกว่านี้ค่อยมาได้ไหม ของจำเป็นต้องซื้อเหรอ ตัวอย่าง เครื่องเสียงนี่ที่บ้านไม่มี ไม่ได้พังแล้วจะชักดิ้นชักงอตาย โทรศัพท์ถ้าไม่ได้อัพเดทไม่ได้เปลี่ยนเครื่องแม่ยายจะยกมรดกให้บ้านข้างๆ? 
  6. ประเด็นสุดท้ายต้องกล่าวถึงพ่อแม่ง อุ๊บ ขออภัย แม่ พี่ ป้า นา อา อา...พอแค่นี้ดีกว่า พี่พา ลูกๆ หลานๆ มางาน ขอเถอะครับ อบรม หรือดูแลเขาหน่อย แบบว่า งานครับ งานนี้เขาจัดกัน ไม่ใ้ช่ที่สนามเด็กเล่น ไม่ได้เป็นสวนสาธารณะ คือพามาได้แต่ดูแลหน่อย ไม่ใช่ พามาแล้วก็ปล่ิอยวิ่งเล่น กันซะงั้น คนอื่นอาจจะมอง น้องน่าีรัก น่าเอ็นดู ไม่ใช่ผมครับผมมันคนเลวคู่กับเด็ก....เด็กเวร แต่ถ้าจะด่าก็ ผู้ใหญ่ที่พามานี่หละครับ ทราม ไม่ดูแลไม่สั่งสอน...แล้วพามาทำไมมันไม่ใช่ห้างไม่ใช่สนามเด็กเล่น
    ครับเพื่อนๆ ที่ตามอ่าน Blog มาตั้งแต่แรกๆ ที่ผมเริ่มเขียน ลองย้อนนึกดูนะครับ เคยเจอแบบนี้ไหม แล้วรู้สึก รำคาญใจกับ พฤติกรรมเหล่านี้บ้างไหม หรือ เคยทำบ้างไหม ถ้าทำก็ลดๆ ลงหน่อยเถอะนะครับ ที่ผมเขียน "ตอน" ช่ายมะเขาเรียกว่า...ตอน? อ๋อ ไม่ดิบทความ "งานแสดงสินค้า งานแสดงสันดาน" ก็ล่าสุดครับ Commart นี่หละครับ ผมกำลังดู Gadget ที่มาโชว์ในงาน ก็ต้องยอมรับครับน่าสนใจนะมีคนดูพอสมควร คู่กรณีก็แถ ๆ มากะลูก ผมจำไม่ได้ว่าพูดว่ายังไง น่าสนใจมาก หรือว่า ยังไง บอกตามตรงไม่ไ้ด้ว่านะครับเข้ามาดูกันได้ ผมก็ยืนต่อรอดูอยู่ พอคนที่ทดลองคนแรกเสร็จผมก็เข้าไปดู ก็เป็นจังหวะที่เด็กนรก (ขอด่าละกัน) เดินมาถึงแล้วก็ ดันผมพร้อมกับ เหยียบตีน ครับ ไม่ต้องเท้าแล้ว ตีนนี่หละ พร้อมกับประโยคที่ผมจำไม่ได้ เพราะว่าโมโหครับ โมโหที่ คุณแม่ง เองก็ไม่สั่งสอนลูกเดินมาดันผมซะด้วย แล้วก็ จับ เล่นกันกับลูก(แม่ลูกน่ารักมาก) เออเอากับเขาซิครับ คุณแม่ง คุณลูก ผมหละด่าไม่ถูกเลยขนาดผม พูดว่าพูดประชดเสียงดังๆ ออกไป ว่ามารยาททั้งแม่และลูกดีจัง เหยียบเท้าคนแล้วยังไม่สนใจอีก ก็เอ้ยไม่สนใจครับ ผมหละอายแทนผมเลวช่ายไหมนี่แบบตกลงกูผิด ผมต้องอาย ผมมันเลว ผมมันโหไอ้นรก เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้าถ้าผู้ใหญ่ในวันนี้เป็นสันดานแบบนี้ พูดได้คำเดียว "เหี้ยแน่ๆอนาคต"

จุดเกิดเหตุขอบคุณภาพจาก http://www.yokekungworld.com

    ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นและลงในช่วงนี้เพราะว่าเพิ่งผ่านงาน Commart มาสดๆ ร้อนๆ และอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานสัปดาห์หนังสืออีก ครับผมหวังว่าคนที่เข้ามาอ่าน Blog ของผม คงจะเป็นผู้เข้าชมที่มีมารยาท หรือไม่อย่างน้อยก็บอกกล่าว ตักเตือนคนข้างเคียง คนรัก คนรู้จัก เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมโลกทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังเตรียมตัวจะไปงานในอาทิตย์หน้า หรืองานต่อๆไป...จะบอก จะกล่าวกัน ตักเตือนอะไรก็ตามใจครับผมบังคับไม่ได้ และก็ไม่บังคับหรอกครับแค่มาบ่นก็ต้องขออภัยอย่างมากแล้ว ผมได้แต่หวังว่าคนในสังคมเราจะมีมารยาทที่ดีขึ้น ไม่ต้องมากแค่นึกได้ในส่วนลึกของหัวใจผมก็ดีใจ แบบที่เขากล่าวกันว่า “เพียงแวะเข้ามาชม เราก็แอบนิยมคุณอยู่ในใจ”

สุดท้ายใครก้ได้ตอบหน่อยงานนี้เกี่ยวอารายกับ ดร.สลัม 
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.techxcite.com/topic/8840.html

    กะว่าจะไม่ยาวนะนี่...บทความครั้งนี้ถ้าแรง หยาบขออภัยแต่ระงับไม่ได้จริงๆ "เหนื่อยเหลือเกิน"

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

The Hunger Games เกมล่าเกม

ขอบคุณภาพจาก http://movie.sanook.com/ ขอหน่อยนะครับมันได้ใจมาก
   
    ไปๆมาๆ armopenmind จะเป็น Blog วิจารณ์หนังซะละ ต้องบอกก่อนเลยว่ายังไม่เปลี่ยนแนวครับ ทีแรกจะเขียนเกี่ยวกับร้านกาแฟ เพื่อนสนิทก็เขียนไปละ และก็เขียนได้ดีด้วยเลยบาย ไอ้ครั้นสันดานอย่างผมเขียนจะเป็นการด่าร้านกาแฟซะป่าวๆ จะเขียนวิจารณ์หนังก็บอกตามตรงบางทีไปดูมาประทับใจม๊าก...แต่ขี้เกียจเขียนซะงั้นพอจะมีอารมณ์เขียนนางเอกก็คงแก่ พระเอกพาลป่วยไปซะละ เลยมาเป็นแบบนี้หละ อารมณ์อยากเขียนก็เขียนตามแต่ใจตามแต่อารมณ์...เอิ๊กๆ ๆๆ ๆ ๆๆ และก็ต้องสารภาพตามตรง คนเขียนเมาเบียร์ 4 กระป๋องแล้วเพราะตั้งแต่เช้า สิ่งที่ตกถึงท้องคือเบียร์นี่หละ(เหตุผลคงไม่มีใครอยากรู้แต่อยากอ่านก็จัดไป....ลาบซึ้งมากๆๆ)

    ก็ต้องขอบคุณทรูวิชั่นกับไอ้ดวงห่วยๆหรือห่ามเหวอะไรไม่รู้ที่ได้ดูอีกละ เรียกว่าเบิ้ลซะงั้น แถมได้ดูด้วยอารมณ์ที่ เหมือนตัวเองเดียวดายด้วย แต่ก็อยากดูมาก เขาบอกว่าเรื่องนี้ดังมากติดอันดับหนังสือทำเงินมากกว่า--->แวมพายนายโคตรหล่อซะด้วย หรือไม่จริงไม่รู้คนเขียนมึน 555

    เข้าเรื่องแบบมึนๆ นางเอกของเราเสนอตัวเข้าไปเล่นเกมส์แทนน้อง เพราะว่า โชคชะตาไม่มีปราณีใคร(ไม่เล่นตลกก็เป็นปกติของปกติ) มีชื่อให้จับ 1 ชื่อ กับ 42 ชื่อ คนดวงเฮงมีชื่อ 1 ชื่อแถมครั้งแรกโดนซะงั้น ไอ้มีชื่อถึง 42 ชื่อแม่งจับไม่โดนซะงั้น นางเอกของเราจึงต้องรับกรรมแทนน้อง โหอายุ 12 มั้ง(ถ้าจำไม่ผิด) จะให้ไปสู้รบปรบมือกะใคร แค่ด่ากันก็เฉาตายแล้ว ใครเป็นพี่ไม่ออกรับแทนก็ประเสริฐละ บอกตามตรงเท่าที่ได้ดูฟรีมาหลายครั้ง(กราบงามๆTureVisions)ครั้งนี้ผมลุ้นมากแบบที่เรียกได้ว่ามันบีบหัวใจสุดๆ อย่านับหนังผีนะผมไม่ดู(ใครชวนดูตีตายเลย) นี่รวมกับเห็นคนเดินเข้าเดินออก มากผิดปกติ นึกในใจหนังไม่สนุกหรือมันบีบ.....บหัวใจมากไปหละนี่ ผมอะลุ้นมากขอบอกเรื่องแรก มันบีบใจมาก (แต่ไม่ขอเล่าละกันพรุ่งนี้ไปดูกันได้)มันทำให้นึกถึงว่าสมัยนี้ถ้าไม่กล้าแสดงออก ไม่สร้างความโดดเด่นนี่ไม่รอดแน่ครับกับสังคมสมัยนี้ เพราะขนาดที่เนื้อเรื่องของหนังกล่าวถึงการเอาตัวรอดของคนที่ต้องเข้าร่วมเกมส์มหาโหดอย่าง "Hunger Games" เครื่องบรรณาการทั้ง 12 เขตยังต้องทำทุกวิถีทางให้ตัวเองเด่นในเกมส์ เพื่อให้สปอนโง่ชอบและส่งของช่วยเหลือมาให้ ถ้าไม่งั้นมึงโดดเดี๋ยวไปเลย ขนาดตามบุคคลิกของนางเอกเป็นคนไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันใครเท่าไหร่ยังต้องเปลี่ยนตัวเองเลยตั้งแต่เปิดตัวของตัวแทนในเขตที่ 12 ในชุด สาวน้อยผู้มากับไฟ...ไม่งั้นพูดสั้นๆม้วย ยิ่งเนื้อเรืองดำเนินไปยิ่งบีบหัวใจ มันโดนใจมาก ต้องบอกว่าสังคมมันเป็นแบบนี้ครับ คนดาดๆ อยู่ไปวันๆ ไม่ได้โงหัวหรอกในสังคม ถ้าไม่แน่จริงอย่าคิดจะเสนอหน้า...จบครับ จบแบบดื้อๆนี่หละที่เหลือไปดูเอาเองแบบงง งง แล้วกันกับ Blog ของผม อารมณ์ตอนนี้เหมือนคนเมาแล้วพูดมากอะครับ เขียนถึงเช้ายังได้ อย่ากระนั้นเลยเดี๋ยวพาลเล่าซะหมดจบดีก่า.....

ผมชอบภาพนี้มากมันกลายเป็นหนังรัก 3 เศร้าไปซะงั้น
ขอบคุณภาพจาก http://movie.sanook.com/ เหมือนเดิม

    ต้องบอกว่าคนอื่นดูแล้วผมไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง สนุกเฉยๆเพราะมันเป็นแค่หนัง โดยไม่คิดอะไรหรือป่าวผมก็ไม่รู้ แต่สำหรับผมดูแล้ว มัน จิ๊ด ครับ เหมือน survivor เอามารวมกับ AF แต่หนักกว่าตรงที่การเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบในหนัง คนรวยและคนมีอำนาจคิดเกมส์เพื่อจำกัดสิทธิ์และปกครองคนที่ด้อยกว่าแบบทารุณ  (ลองดูเอาครับว่าสังคมในเรื่องมันเป็นแบบไหน) อยากรู้จริงๆนะะถ้ามันถึงยุคที่โลกเราแบ่งชนชั้นแบบนั้น ใครจะกล้าสมัครเข้าไปเล่นเกมส์แบบนั้นไหม ทั้งๆที่จบเกมส์ก็ดังและน่าจะมีเชื่อเสียงไม่แพ้ AF หรือ เกมส์โชว์ที่เราๆนั่งดูนั่งกด SmS ให้คนที่รักคนที่ชอบได้ผ่านเข้ารอบไป ใครมันจะอยากไปแข่งครับในเมื่อโผล่มาไม่ถึง 1นาทีก็ตายโหงซะละ ไม่มีแก้ตัวแบบให้กลับเข้าบ้านใหม่ แถมกฏยังเปลี่ยนได้อีกแบบ(เปลี่ยนเพื่อนสนองเรตติ้ง แต่...ถึงตาย) ผมมองว่าสังคมสมัยนี้มันก็คล้ายๆ หนังเรื่องนี้เข้าไปทุกที ๆ ผมชอบดูหนังฝรั่งไม่ใช่เพราะหัวสูงหรือ "กระแดะ" แต่ชอบตรงที่เขามีแง่คิดตลอด(หรือผมคิดไปเอง) ไม่เหมือนบ้านเราต้องรัก ๆ ๆ  วัยรุ่น ๆ ๆ  ไม่ก็ตลกลามก ไม่งั้นขายไม่ได้.... จบ 

X - MEN ผมดูแล้วได้มุมมองของสังคมระหว่าง ชาร์ลส์ ฟรานซิส ซาเวียร์ และ Maxneto

    ท้ายสุดหนังเทศไม่เหมือนบ้านเราครับทำหนังแบบสมเด็จพระ... (ไม่ขอพูดนะรู้กันเอาเอง) ก็มีโดนวิจารณ์ ทำหนังตีแผ่ศาสนาแบบ...เรื่องอะไรอะที่เต๋ากับ เรย์เล่น ก็โดนกลมกว่าจะผ่านได้(เมานึกไม่ออกจริงๆ)  เรื่องศพ>>>โวยวายก็โดนด่า นึกออกไปหาดูกันเอาเองครับจบอีกที!!!

เอานางเอกมาให้ดูครับอย่าถามนะทำไม จาก www. ไหนไม่ทราบแล้วแต่ขอขอบคุณครับ

    ปล.เพิ่งรู้ตอนมึนเมานี่หละว่านาเอก เล่น X - MEN ด้วย เรื่องนั้นดู SEXY มาเรื่องนี้ผมดูอวบนะ(นั่นแน่อย่าคิดไปไกลผมคิดแค่นั้นเอง)..บายครับ  อ้อทิ้งทายไปดูเอา มันเหมือนรัก 3 เส้าที่ต้องลุ้นว่านางเอกจะรักใครยังไงเพราะ เกมส์หรือ เพราะว่าคนที่ถูกเลือกรักจริงหรือทั้งหมดแค่การอยู่รอด.....

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

จอมโจรสโนไวท์ กับ ราชินีบานฉ่ำ ปะทะ ซือเจ๊ไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์

ขอบคุณภาพจาก http://www.mcot.net/ (เขาไม่ให้ผมก็จะขอใช้)

    ต้องยอมรับยุคนี้มันยุคของคนกล้าแสดงออก ไม่งั้นเดี๋ยวไม่เด่น เดี๋ยวไม่ดัง ไม่ดูดีในสายตาชาวบ้าน  ไม่ดูแอ๊ปเป้ (เอ้ยแอ๊บแบ้ว) ใครหลายๆคนที่เฉียด หลง เผลอ เข้ามาอ่าน Blog หลายๆ คนคงด่าในใจว่า ไอ้ห่า ไอ้... และไอ้...ฯลฯ นี่แม่งขี้บ่น SHIFTผาย กี่เรื่อง ๆ แม่งบ่นหมด ก็ต้องยอมรับครับผมมันคนขี้บ่น ซึ่งอย่างที่บอกอีกหละครับ ผมไม่ใช่ผู้ดี หรือคนที่มีมารยาทแบบผ้าพับไว้ มิใช่ตระกูลผู้ดีเก่า ที่ต้องมีพี่เลี้ยง หรือเวลาจะเรียกต้องมีคำนำหน้าว่าคุณชาย หรืออย่างไร ดูตัวเอง ก็เป็นคนที่ทำตัวเสียมารยาทในสังคมซะด้วยในบางครั้ง แต่ไอ้ที่มาบ่น ๆ นี่บอกตามตรง ไม่เคยทำ และใครหลายๆคนเห็นผมตั้งหัวเรื่อง แล้วคงนึกในใจว่าเกี่ยวข้องอะไรกับ "ไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์" หรือป่าว!! ถ้ามีจะได้ลุ้น ๆ ให้ใันโดนฟ้ิอง ขออภัยที่ทำให้ท่านเสียใจครับ ไม่มีครับ ไม่เกี่ยวกันเลย ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องไม่มีใครที่ไปในรายการแล้วผมเอามาเอ่ยอ้าง เอหรือซือเจ๊แกจะไปมาหว่า!!!! ช่างแม้มเหอะ (เอว่าแต่เอามาใช้จะโดนไหมว่า ดีครับจะได้ดัง)...

    อย่างที่เกริ่นไปยุคนี้สมัยนี้มันเป็นยุคของการแสดงออก ใครที่สามารถเอาจุดเด่นของตัวเองออกมาเสนอให้สังคมรับรู้ได้ และโดนก็มีสิทธิ์ดัง ก็ต้องยอมรับครับเป็นเรื่องที่ดี และน่าชื่นชม ตั้งแต่เด็กเล็กตัวน้อย ไล่ ไปถึง ผู้สูงอายุ ไม่แบ่ง เพศ ชนชั้น เชื้อชาติ ทุกครั้งที่ผมได้รู้ ได้ดู ได้สัมผัส ผมบอกตามตรงผมก็ชื่นชมและนับถือครับ แต่ไอ้ที่น่าเสียดายที่บางครั้งพอเวลาผ่านไปคนเหล่านั้นกลับทำตัวให้ตัวเองเสื่อมเสีย เช่น ตอนเด็กนี่น่ารัก เก่ง เต้นเก่ง แสดงหนังดี มากความสามารถก็ว่าได้ แบบว่า BRON TO BE  แต่พอโตมาไอ้ชื่อเสียง เหล่านั้นกลับมาทำร้ายจิตใจตัวเองให้หลงระเริง ไปในทิศทางตรงกันข้าม ตอนเด็กที่ดูใสซื่อ บริสุทธิ์ พอโตมา เสียความ บริสุทธิ์(ทางจิตใจ) และ เสื่อมเสียชื่อเป็นว่าเล่น อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ผู้ปกครองและตัวพวกเขาเองที่สามารถปรับตัวกับการตอบรับของสังคมได้ดีเพียงใด นั่นคงเป็นอีกด้านของการแสดงออกที่บิดเบี้ยว

    เดี๋ยวจะนอกเรื่อง Mirror Mirror เป็นหนังที่ผมไปดูมาล่าสุด ดูก่อนเข้าโรงฉายจริง มิใช่ว่าได้รับเชิญเพราะเป็นคนดังหรอกนะครับ เล่นเกมส์ของUBCได้มา (เอ้า??เอาซะแก่เลยเดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนเป็น TRUEVISIONS แล้ว) ต้องขอบคุณด้วยนะครับที่มีกิจกรรมดีๆ นอกเรื่องจนได้ Mirror Mirror หรือ จอมโจรสโนไวท์ กับ ราชินีบานช่ำ เป็นหนังดัดแปลงใหม่ที่ดูแล้วเพลินดีแปลกดี ถ้าเล่าไปเดี๋ยวนอกเรื่องบานฉ่ำกันพอดี แล้วจะเข้าเรื่องยังไงหละครับ เอาดื้อ ๆ แบบนี้เลยดีกว่า ขณะที่หนังกำลังเริ่มฉาย โดยเนื้อเรื่องก็เป็นการเกริ่นบรรยายเหมือนเล่านิทานทั่วไป และตอนที่กำลังเล่ากล่าวถึงคำที่ว่า Beautiful ข้างหลังผมก็มีเสียงของเจ๊ คนหนึ่งซึ่งผมระบุวัย และ อายุสมองไม่ได้ ก็เกิดอาการ เทพประทับประหนึ่งว่าตัวเองเป็นคนพากษ์เสียงไทย หรือ อยากจะโชว์สำเนียงว่า ดิฉัน เก่ง ปะกิต เจ๊แกลา......ก เสียงสูงน่ารักแอ๊ปแบ็วว่า บิ๊ว......วตี้ฟูลลลลลลล ออกมาซะดัง(กรุณานึกและจินตนาการเสียงตามเองนะครับ) ประมาณมั่นใจว่าเสียงตัวเองน่ารักถ้าไปลงแข่งไทยแลนด์ก๊อตทาเลนท์ จะต้องชนะเลิศแน่ๆ เพราะว่าเริ่ด กว่าใครในปฐพี กำของกู(เป็นสิ่งที่ผมคิดในใจ) ผมไม่ใช่คนดีนะครับอย่างที่บอกไปแล้ว แต่นี่มัน เป็นโรงหนังครับ ที่สาธารณะ ไม่ใช่ห้อง Home Theater ที่บ้านเจ๊นะครับ เจ๊ลืมไรไปป่าว คนเต็มเลยแหกตาดูดิ (ผมก็แหกตาควานหาที่มาของเสียงครับ) และหันกลับมาคิดในใจสงสัยแม่งเป็นครอบครัวเดียวกับน้องคนนั้นบนรถเมล์มั้ง กูเงียบดีกว่า...... การศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงาน และฐานะทางบ้าน มิทำให้คนเรามีมารยาทเลย ซักนิด

ที่ผมหันไปมองเพื่อเจ้าของเสียงบิ๊วววว...ตี้ฟลูลลลล..จะน่ารักแบบนี้
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.judzeed.com/ (ถึงไม่ให้ผมก็ขอแสดงออกว่ายืม)

    ครับนี่หละนี่คือที่มาของหัวเรื่องของผมมันเป็นยุคของการแสดงออก แต่คนในสังคมบางคน บางกลุ่มแสดงออกมาแบบไม่มีมารยาท ซะงั้น (น้าเน็กขอยืมหน่อยนะคร๊าบบบบบ)

    ทิ้งท้ายซักติ๊ด ใครยังไม่ได้ดูก็ลองดูนะครับ ฉากจบเล่นเอาฮาเหมือนกันนึกว่าดูหนังอินเดีย ที่นางเอกของเราร้องเพลงซะงั้นดีที่ไม่วิ่งข้ามภูเขา แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ จะได้เจอเจ้าชายที่ต้องให้เจ้าหญิงจูบถอนคำสาปแทน แม่มดที่กินแอ๊ปเปิ้ลตาย แทนที่จะเป็นสโนไวน์ ต้องยอมรับว่าเขาเอานิทานเก่ามาบิดเรื่องได้น่าติดตามจนผมออกจากโรงแล้วมาคิดเอาว่าเอเนื้อเรื่องเก่าๆ ที่เคยรู้มามันเป็นยังไงหว่า

ปล.อันนี้หามาให้ครับ มารยาทดีๆ ในที่สาธารณะ

ในโรงภาพยนตร์           ควรปิดโทรศัพท์มือถือ หรือปิดเสียงโทรศัพท์ให้เป็นนิสัย และที่สำคัญ ไม่ควรคุยเสียงดัง หรือพากย์เนื้อเรื่องของหนังให้เพื่อนฟัง เพราะเป็นการเสียมารยาท และรบกวนอรรถรสในการชมภาพยนตร์ของคนข้าง ๆ ไม่ควรขบเคี้ยวอาหารเสียงดัง และไม่ควรนำอาหารกลิ่นแรง ๆ เข้าไปรับประทาน เพราะว่าเป็นการทำลายบรรยากาศของการชมภาพยนตร์อย่างมากแขน ขาก็เก็บให้เข้าที่เข้าทาง อย่าให้กระทบกับความสะดวกสบายหรือที่ทางของคนอื่น โดยเฉพาะคนข้าง ๆ และข้างหน้า ควรเข้าโรงภาพยนตร์ให้ตรงเวลา โดยเฉพาะเมื่อซื้อตั๋ว แถวกลาง ๆ เอาไว้

การพูดคุยในที่สาธารณะ           ไม่ควรพูดคุยเสียงดังในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นบนรถประจำทาง รถไฟฟ้า หรือที่ทำงานก็ตาม เพราะเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ เป็นการรบกวนคนรอบข้าง หรือถ้าเป็นในที่ทำงาน ก็อาจจะไปรบกวนการทำงานของเพื่อนร่วมงานได้ การกระซิบกระซาบกันในที่สาธารณะก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน เพราะคนอื่นอาจจะคิดว่าคุณนินทาเขาอยู่ก็ได้ จงพูดด้วยเสียงดังพอประมาณให้ได้ยินกันในวงสนทนาเท่านั้น และพูดกันแต่เรื่องที่จำเป็น อย่าพูดมาก สนุกเฮฮาจนเสียกิริยาหรือพูดเรื่องส่วนตัวจนคนอื่นได้ยินได้ฟังกันทั่ว
ข้อมูลจาก http://www.vcharkarn.com/varticle/39575

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

Smartphone Smartคน จนไม่มีมารยาท

    ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปสังคมที่เปลี่ยนไป หน้าตาของคนเขาก็เปลี่ยนไป ต้องยอมรับครับว่าผมเองนั้นเป็นคนหน้าบึ้งจนถึงขั้นบางคนมองว่าหน้าตาไม่รับแขก (ตอนรุ่นๆอาจารย์ยังเคยทักทำไมเห็นเดินตรงป้ายรถเมล์หน้าบึ้งจังวะ)แต่ถ้าลองได้คุยแล้วทุกรายต้องบอกว่า (น่าร๊ากก...อะ จริงๆนะ)และอีกอย่าง  ผมก็ไม่ได้บึงตลอดนะครับ ใครทักหรือช่วยถือของผมก็ยิ้มและขอบคุณทุกครั้งนะครับ แต่ผมเห็นสมัยนี้ทำไมคนเราหน้าตาไม่รับแขกกันเยอะรวมถึงหน้าออกไปทางหาเรื่องแขกซะด้วยซ้ำ (เดี๋ยวก็แขกตี้กัน พอดี)ทำไมต้องขึ้นต้นแบบนี้เหรอครับก็สด ๆร้อนๆเลย หลังจากที่ว่างเว้นไปเสียนาน  (โคตรนานเลยหละครับ) ผมก็มานั่งเขียนกันอีกรอบ เพิ่งมีอารมณ์อะ ติ๊ดแตก ก็ว่าจะเขียนผู้ใหญ่สันดานทรามซะหน่อย แต่บรรยากาศมันให้กับ Smartphone เสียจริงๆ แถมผมก็นั่งของผมอยู่ดี ๆ หันไปเจอน้องคนหนึ่งหน้าตา มาคุ มองมาทางผมแบบแปลกๆ คือน้องจะหน้าบึ้งเพื่อ !!(มาคุงมอง น้องเขาคงไม่ได้เพิ่งเรียนคุมอง มานะ อะไรหว่า งงเหมือนกันเขียนเพื่อ?)มาต่อกันครับ รอบๆผมมองซ้าย ขวา ซ้าย ๆ มีแต่คนใช้ Smartphoneกันทั้งร้านต้องบอกแบบนี้เลย สมัยนี้ไม่มีแล้วครับ หายากม๊าก(ขอใช้เสียงสูง)ที่ใช้โทรศัพท์ธรรมดาปุ่มกด ไม่มีแล้ว(แต่มีนะพ่อผมเอง)แล้วแต่ละคนก็นั่งกด ๆ จิ้ม ๆ ทำงานกันไป.... โยง ลาก ดึง
    กลับมาน้องคนนั้นต่อ เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่ ผมดิ ไม่ใช่เรา รู้ว่าเขามาทำอะไร มากินกาแฟ ไม่ก็นั่งตากลม รอใคร แต่รู้ว่าสายตามองมาทางผมแบบกวนตีนมากดูไปคล้ายๆ เราเคยเป็นอริกันแบบมึง ๆ ๆ  ฆ่า พ่อ กู มึงเหยียบตาปลากู แล้วดูด กาแฟ (อะไรวะน้อง พี่งง !!พี่ก็เสือกเงยหน้าขึ้นมาเห็นซะงั้น.. ก็เพราะน้อส่งกระแสจิตมาแดกพี่อะดิ แล้ว น้องเขาก็ดูดน้ำ ซู๊ดๆๆ แล้วเดินไปหาแม่ง เอ้าก็มีแม่นั่งรออยู่ ที่นั่งก็มีแม่น้องก็นั่งตรงนั้นก่อนพี่อีกแล้วน้องมองหน้า แบบที่มาแย่งที่ประจำน้องซะงั้น...กูงง(นึกในใจ) เอามาเข้าเรื่องกันต่อ (งะน้องแกเดินมามองอีกแล้ว)
    ครับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปต้องบอกอีกเลยว่านิสัยคนเราก็เปลี่ยนไป มันเป็นกันทั้งสังคมแล้วครับที่ผู้คนส่วนใหญ่กับการใช้โทรศัพท์ที่มันเป็นได้ทุกอย่างใช้ได้ทุกที่แล้วก็ทำให้เหมือนกับว่า ตัวกูเป็นของกูจริงๆ คือ กูจะทำอะไรก็ได้ทำไม ไม่แคร์สังคม ไม่มีมารยาท(หรือเขาคิดว่ามันไม่เสียมารยาทก็ได้มั้งว่าแต่ตอนเรียนมาเขาสอนแบบไหนเหรอ) คือกูนี่มีโทรศัพท์ Smartphone ระบุกันไปเลยดีกว่า ทำไมกูมี BB กูนึกจะหยุด BB ตรงไหนก็หยุด (ซะหยั่งงั้น) หน้าบันไดเลื่อน หน้าลิฟท์ ตรงบันไดทางขึ้นลง หรือ ตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ก็เรื่องของเค้า ทำไมหละกำลัง คุคุ จุ๊บุ๊ ๆ อยู่ทำไมเหรอ ครานี้ถ้ามันไม่รบกวนคนอื่นมันก็ปกติ แต่นี่พี่เล่นไม่สนใจ กันเลยของเขาใส่ถุงแล้วเงินหละพี่หยิบจ่ายดิ มัวแต่ งุงิ ๆ เดี๋ยวก็หัวทิ่มหรอกพี่ คนเขายืนรอกันเพียบ นี่ มึงหันมาดูบ้างไหม (โอ้ลืมไปข้างหลังกูก็ งุงิ ๆอยู่)เอ้าเดี๋ยวจะหาว่าเจาะจงแต่ BB มะ มา iphone บ้าง มันมีทุก เครื่องหละครับ ไอ้ที่มันสามารถจิ้ม พิมพ์ๆได้ น้องนึกจะถ่ายรูปจะ facebook น้องก็ทำ บันไดทางลง ทางขึ้น คนเขาจะขึ้นจะลงกันไม่ใช่ที่ว่างๆ ก็จัดกันเต็มที่ประมาณว่าพวกมึงๆ ที่เดินผ่านกูเป็นตัวประกอบฉากชีวิตรักของกรูsสองคน นึกจะถ่าย ชูสองนิ้ว ทำทางคิขุ แล้วโพส แล้วแชร์ก็ทำกัน แม่ง!!นึกในใจ กูอยากยันให้ตกบันไดรักกันไปทั้งคู่ ขวางครับ ขวางทางคนเขาสัญจร รู้จักไหม หรือว่า อี ๆ ไอ้ ๆ ที่เดินผ่านนี่มันไม่มีมารยาทกันวะคนจะถ่ายรูปไม่มีมารยาทกันเลย เสือกเดินอยู่ได้ ก็เป็นอีกประเด็นครับ เอ้าสาวกหุ่นเขียว มาโดนกะเขาบ้าง Smartphonระบบ android ก็เป็นโทรศัพท์อีกระบบปฏิบัติการครับที่มันเก่งมาก คนใช้กันเยอะไม่แพ้ BB และ iphone แล้วก็มันมีให้เลือกเยอะมากหลายรุ่นหลายแบบ แล้วมันก็ทำได้เยอะทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน แล้วสิ่งที่มาพร้อมกับผู้ใช้ หุ่นเขียวก็คือ ความเกรียน     ไอ้คำนี้จริงๆ มันไม่น่าจะเป็นคำน่าชื่นชม น่าสรรเสริญ  ซักเท่าไหร่นัก แต่วัยรุ่นยุคนี้ ถ้าใครเกรียน สุดๆ จนเรียกว่าสุดตีน นี่มันจะดูหล่อมาก เทห์มาก(ไหงเป็นงั้นวะ)นี่ก็ไม่แคร์ เหมือนกัน กูจะทำไรนี่กูเก่ง เพราะใครๆก็รู้ ใครใช้ android แล้วเกรียนๆ นี่มักจะพูดว่าใครใช้ iphoneโง่ ก็ไม่รู้ทำไมเป็นงั้นไป แล้วผมใช้ทั้ง iphone แล้ว โทรศัพท์ระบบ android นี่มันคงอยู่กลางๆ ไม่โง่ไม่ฉลาดมั้งนี่ เรื่องตรงนี้ผมปล่อยไปครับ (แต่ไม่ผ่านนะ)ก็อย่างที่บอกในเมื่อโทรศัพท์สมัยนี้มันทำอะไรได้หลายๆ อย่าง พวกกูก็ทำทุกอย่างที่พวกกูอยากทำ อยากจะยืน ๆ  twitter อยากจะ  checkinที่ไหนก็ต้องหยุดก่อน  กลัวตำแหน่งมันเคลื่อน  แล้วเพื่อนกะแฟนจะเข้าใจผิด หามึงกันไม่เจอ หยุดซะงั้น กำลังจะออกจจาก รถไฟฟ้า กูก็ต้องหยุดขวาง ทวิต ก่อนว่า ถึงแล้ว กำลัง ออกจากรถไฟฟ้า มึงไม่ต้องบอก ขออย่างเดียวมึงเดินออกไปก่อน มันขวาง!!!
                เยอะครับ จบๆ ดีกว่าเดี๋ยวหยาบติดนิสัยไป เอาเป็นว่าวันนี้มีอารมณ์ระบายแล้วกันครับ ผมไม่ได้ว่าทุกคนนะครับ โปรดเข้าใจ แต่ผม ด่าเลยครับกับคนที่ทำมารยาทแบบนี้ อย่างที่เขียนไปครับเมื่อโลกมันเจริญขึ้นเทคโนโลยีเจริญมาก แต่กลับกลายเป็นว่าคนเราเจริญถดถอยลง ทุกเรื่องรวมถึงความคิด (ความคิดดี ทำดี มารยาท) ทุกอย่างมันเหมือนทำให้คนเราคิดไปว่าการที่มี Smartphone ดี ๆ หรูๆ แพงๆ ใช้นั่นคือมารยาทของสังคม เพราะฉะนั้นการที่ใช้มันตรงไหนตามใจก็ดูเหมือนกับว่าจะไม่เสียมารยาท (ทั้งที่จริงโคตรจะมารยามทรามเลย)ทั้งที่จริงเทคโนโลยีน่าจะทำให้คนเราเจริญขึ้นเพราะมันทำให้อะไรๆง่ายขึ้นสะดวกชึ้น ความสะดวกกลับทำให้คนเราเสียมารยาทเพิ่มขึ้น (ซะงั้นอย่างนั้น..อีกรอบ) ถ้าถามว่าคนที่ไม่ทำแบบนี้มีไหมตอบได้เลยว่ามี ผมนี่หละไม่ได้ยกยอตัวนะครับ แต่ผมไม่มีอะไรไม่มีใครให้แชร์ มั้งครับ?
                ปล.ทิ้งท้ายผมเคยขึ้นรถเมล์ร้อนๆ แน่ ๆ แล้วมีเด็กนังเรียน พานิชย์ขึ้นมา บอกตามตรงผมจำหน้า จำชื่อ จำโรงเรียงได้แม่นเลย อยากจะประจานแต่ไม่เอาดีกว่า พวกเธอขึ้นมาเป็นกลุ่ม ทีแรกผมกะจะลุกไม่ก็ถือของให้ แต่เห็นพอขึ้นมาก็ BBกันเลย ทั้งๆ ที่มือก็ถือของเต็มไปหมด แต่ไม่หาอะไรจับ เอากะเขาดิ แล้วก็เสียงดังโวยวาย ผมเลย เข้าใจไปเองว่า เออน้องเขาเก่ง ก็คงปล่อยน้องยืนไปละกัน อีกมือถือของอีกมือBBได้ ผมมันผู้ชายอ่อนแอแถมใจหมา ด้วยขอนั่งแล้วกันผมเมื่อยประกอบกับน้องสองคนในกลุ่มพูดมาว่า เอ้ยเสียดังไม่เป็นไรหรอกเพราะรถเมล์มันเป็นที่สาธารณะไม่ต้อเกรงใจใครไม่มีใครว่าเราได้" แล้วก็เอามือตบกัน โหน้องสวยมาก คิดได้ไงวะ อยากสะกิดแล้วบอกดังๆ ว่า น้องจ๋าเข้าใจอะไรผิดป่าว ที่สาธารณะเป็นที่ต้องมีมารยาทเฟ้ยครูสอนมาแบบนี้เหรอ เสียชื่อโรงเรียนหมด แต่บอกตามตรงไม่กล้า กลัวโดน ผุ้หญิงต่อย(สวยก็ป่าวรูปร่างก็น่ากลัว ตัวก็ใหญ่ พี่มันอ่อนแอน้องตามสบายเลยครับน้องถูกน้องฉลาดมากที่พูดแบบนี้น้องสวย....ตายหละอีห่านี่)
                นี่หละครับ เจริญแน่ๆประเทศ เพราะเด็กไทยรุ่นใหม่เขาเข้าใจกันซะแบบนี้!!!!