ต้องขอขอบคุณ VDO อัปโหลดโดยคุณ firststepkeng ครับผม
เสาร์ที่ผ่านมาเจ้า้ของ Blog กาแฟ ชวนไปเดินชมงานแสดงสินค้า ประมาณว่าชวนเราไปจะได้หา idea ใหม่ๆด่าชาวบ้านกันซะอย่างงั้น รวมถึงคุณท่านเองจะได้หาเรื่องจะมาลง Blog ของตัวเองด้วย พูดกันประสาเพื่อนๆ แม่งเอาคุ้ม ไปที่เดียวได้หลายต่อ ถามว่าผมอยากไปไหม? ร้อนอะ คนก็เยอะ แถมเิงินเดือนนี้ก็เอาำไปกินเบียร์แดกเหล้าหมดแล้ว(พูดตรงๆเลย) แล้วก็ยังไม่มีรมณ์เขียน(จบมะ) แต่ก็ไป ระหว่างทางก็คุยกันเรื่อยเปื่อย น้ำตกซกเล็ก(มันยาวเพราะไอ้คำนอกเรื่องนี่หละแต่ก็จะเล่นมีไรมะ?จบม๊ะ!) ว่าอยากให้ผมเขียนเรื่องพระ "ระยำแท้เหลา" แค่นี้ก็เอี้ยพอแล้ว ทั้งๆที่ก็ด่าอยู่บ่้อยๆ ด่าเป็นประจำกับไอ้พวกที่เอาผ่าเหลืองมาหากินแต่จะให้ด่าแบบออกนอกโลกแห่งความเป็นจริงสู่โลกเครือข่าย (Social Network) มันจะดีหรือ? ไม่ดีแน่ครับ เห็นจะไม่เข้าท่าแต่จะเข้าคุกซะก่อน "ผมบอกแล้วเสนอกันได้แต่ิอาจไม่เขียน" อย่างที่บอกในFanPageที่มีคนLikeกันน้อยนิด ส่วนใหญ่จะหนักไปในทางกดไล่กันซะเยอะ "ถ้ามีปุ่มนี้นะ" แล้วไอ้เลวนี่ก็เกิด พุทธิไอเดียหรอกให้ผมฟังเพลงเพลงหนึ่งว่า "เออมีเพลงคาราบาวให้ฟังมึงต้องชอบแน่ๆ" ผมสวนทันที "กูไม่ชอบ" (ป๊มไม่ได้ว่าปี้แอ๊ดนะครับ) ผมไม่ค่อยชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตเพราะชีวิตปกติส่วนใหญ่ของผมมันก็บัดซบอยู่แล้ว ด้วยความเป็นคนตามใจชาวบ้านแบบไม่ทันตั้งตัวมันเอาหูฟังยัดใส่รูหู(ไม่รู้รูเดียวกับน้องจ๊ะอะป่าว)แล้วเปิดทันที แล้วมันก็ถามว่า "เป็นไง" (เออกูขอฟังก่อน) จบเพลง!!ชอบครับเออโดนใจหันไปฮากับเนื้อเพลงแล้วบอกมันเออหวะพี่แกไปโดนใครโกงที่มาก่อนหรือป่าววะ หรือว่า แกเคยโดนพระโกงเงิน แต่งซะนึกว่าเป็นชีวิตจริงของแกเลย ขอย้ำอีกรอบ"เหมือนเคยโดนมากับตัว(แต่งได้ใจมาก)" (ในที่นี้คำว่า "แก" คือป๋าแอ๊ด) ต้องบอกนะครับถึงผมไม่ชอบฟังเพลงเพื่อชีวิต แต่เพลงของป๋า(แอ๊ด)เท่าๆที่เคยฟังเพลงมามันตรงกับชีวิตปกติชนมากครับมันถึงได้เรียกว่าเพลงเพื่อชีวิต มันเหมาะสมจริงๆ
สมภารเซ้งโบสถ์ แล้วยังไงมันถึงมาเป็นบทความได้ จะฟังไหมยาวนะ เรื่องมันเกิดตั้งแต่สมัยพระเ้จ้าอโศกมหาราช ไปตีเมืองย่างปู(พอเนอะ) จบๆ....
ก่อนที่ผมและเพื่อนจะแยกกันเขียน Blog โม้หน่อยว่าเคยทำรายการวิทยุ online ซึ่งยุบไปละ ก็ทำกับไอ้เจ้าของ Blog ที่ชอบ รีวิวร้านกาแฟ ตอนเด็กให้พาไปเที่ยวแล้วแอบไปนั่งร้านกาแฟตอนเด็กเดินซื้อของ(มันใช้มุขว่าแก่แล้ว เมื่อยแล้ว ไปเดินคนเดียวได้ไหมส่วนตัวมันขอหาร้านนั่งรอ ที่ไหนได้มันแอบไปนั่งร้านกาแฟและรีวิวกันซะอย่างนั้น เอ้าลุกขึ้นครับ เชิญยืนอาลัยให้เด็กมันหน่อย) ซึ่งรายการที่ทำก็หนีไม่พ้น ประเภทตามด่า ตามทะลวงไส้พวกใช้ผ้าเหลืองหากิน เรียกว่าเห็นมายังไงก็เอามาด่าอย่างนั้น ได้ยินได้ฟังมาแบบไหนก็เอามาด่ากันซะให้หนำใจ สุดท้ายด้วยความกระเบื้องของ คุณท่าน "ตากาลาโต้" เลยต้องเลิกจัดไป ก็พอดีครับไม่งั้นป่านนี้อาจไม่พ้นแดน วรเวช ณ.บางขวาง ก็เป็นไปได้(เข้าใจกันเอาเองแล้วกันนะครับคำนั้นไม่อยากให้มีอะกลัว!! ผมก็ไม่ยอมเลิกตามด่าอยู่ครับแต่เปลี่ยนแนวจากด่าอยู่กลุ่มเดียว กลายเป็นด่าแม่้งทั้งจักรวาล จนมีคนถามว่าชีวิตไม่พบเจอะเจอคนดีบ้างเหรอ ขอไวท์บอร์ดครับ ตอบครับ "เจอครับแ่ต่น้อยมาก" ซึ่งก็เป็นที่มาของBlog armopenmind และ Fanpage อกแตก(ศูนย์บรรเทาคนคับอก คับใจ) ซึ่งจริงๆแล้ว อกแตกเป็นชื่อของช่วงหนึ่งช่วง ของรายการที่ได้เคยจัดกันครับ มันก็คล้ายๆกับบทความของBlog นี้หละครับที่เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรมาก็เอามาด่า ๆ ๆ ซะไม่งั้นไม่ได้ระบายแล้วอกจะแตก ขอเชิญร่วมกันไว้อาลัยรายการด้วยครับ
กลับมาที่เพลงสมภารเซ้งโบสถ์ ผมฟังแล้วมันโดนหลายประโยค ชอบมากับเด็กนรกฟังแล้วฮาไ้้ด้ใจที่นี้จะมาพูดเนื้อเพลงทุกประโยคมันก็ยาวอีกแน่ ๆ ก็เอาท่อนที่ผมฟังแล้วโดนมาก ม๊าก (ต้องเขียนยังไงถึงจะออก แนวมากแบบ เซาะกราวได้หว่า) มาเขียนดีกว่าครับ
ปล.โปรดฟังเพลงปรากรอบแล้วมันจะIN(อันที่จริงให้ฟังไปด้วยอ่านไปด้วยจะได้อ่านไม่รู้เรื่อง)
ปล.โปรดฟังเพลงปรากรอบแล้วมันจะIN(อันที่จริงให้ฟังไปด้วยอ่านไปด้วยจะได้อ่านไม่รู้เรื่อง)
สมภารเลี่ยมเป็นพระใจถึง ทั้งๆที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจ ถึงจะบวชได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ความหัวไวแกจึงได้เป็นสมภาร ประโยคนี้ผมไม่รู้น้า(เดี๋ยวน้าเดี๋ยวป๋าอย่าถือเอาอารมณ์ผมเป็นอารมณ์นะครับ) แกสื่อถึงอะไรยังไงแต่ผมเข้าใจว่า น้าแกด่าแดก ประมาณว่า ชื่อเลี่ยมเลยหัวไว หัวใสแบบ หัวแหลม หัวเหลี่ยม(อุ๊บไปพาดตีน เอ้ยพาดผิงใครป่าววะ)และไอ้ความฉลาดเลยได้ชื่อเสียงยศศักดิ์ ความไว้วางใจแบบไ้ว้...ไว
ก็แล้วใครจะเชื่อเด็กสร้าง บ้านมากกว่าเชื่อสมภารที่สร้างโบสถ์สดใหม่ ตรงๆดีครับกับท่อนนี้กับการเปรียบว่า คนที่ทำประโยชน์หรือทำอะไีรให้ตัวเองเป็นที่รู้ว่าทำประโยชน์นั้นเพื่อสังคมมักได้รับความเชื่อถือยกย่องเป็นธรรมดา แล้วถ้าอยู่ๆ เกิดมีใครก็ไม่รู้มาว่าหรือกล่าวหาว่าคนนั้นเป็นคนไม่ดีใครจะเชื่อทั้งๆ ที่มันอาจเป็นความจริง และไอ้คนที่พูดหละจะโดนว่ากล่าวกลับ ชีวิตจริงมันก็เป็นแบบนี้กันเยอะ
รังษีของโบสถ์มันบังตา เสริมสร้างศรัทธาให้ผู้คนเห็นใจ แม้เรื่องอาบัติจะตามมาอีกมากมาย มันซุกมันซ่อนอยู่ในจีวรกันวุ่นวาย แต่ผลสุดท้ายไอ้จุกต้องถูกไล่ออก..จากวัด ตรงตัวครับก็ประโยชน์ทำไว้ให้เยอะใครจะเชื่อว่านั้นเป็นฉากปิดบังความเลวทรามหละครับ ผิดกับไอ้เด็กซึ่งพูดความจริงแต่ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใครประจักษ์ ความจริงก็ถูกเบียดบังจากความลวงหลอกได้ ปกติชีวิตจริงๆ
แต่สัจธรรมก็ปรากฎเป็นจริง เมื่อสมภารเซ้งโบสถ์ให้กับเจ๊ก ชื่อว่าเถ้าแก่เสกเจ้าสัวเมืองสิงค์ ถูกกฎหมายชอบธรรมมันก็จริง แต่สิ่งที่ไม่เหลือคือความศรัทธา...ศรัทธา...ความศรัทธาที่เงินตราซื้อไม่ได้ ความศรัทธาของประชาชนไทย ความศรัทธาที่ไม่เหลืออีกต่อไป เมื่อผู้คนจับได้ หลังสมภารเซ้งโบสถ์ อันนี้งงไปใหญ่เมืิองสิงค์ไหนหว่า จะว่าสิงห์บุรีเหรอก็ไม่ได้เขียนแบบนั้นนี่หว่า(ป๋าสื่ออะไรผมงงหวะ) แต่คำว่าความศรัทธานี่หละครับสร้างทุกสิ่งได้ เอาศรัทธามาโกโหกันมันง่ายด้วย เอาศรัทธามาเป็นฉากกั้นความชั่ว ในเมื่อคนเราศรัทธาโดยไม่ใตรตรอง ก็ต้องรอความจริงปรากฏครับว่าแต่เมื่อไหร่ กว่าจะถึงตอนนั้นก็ไม่เหลืออะไรแล้วครับ
ทุกวันนี้ฟ้ามีตาครับ แต่เปิดตาข้างเดียว อีกข้างนึงปิด?
สุดท้ายจบเพลง เข้าใจว่าประชาชนรู้ว่าสมภารเป็นอย่างไร ไอ้จุกมิได้โกหก แต่ไม่รู้ครับว่าเรื่องราวต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร สมภารโดนกระทืบ หรือหนีไป ดูไบ ไอ้จุก เป็นเด็กเร่ร่อนข้างถนน หรือใครรับไปเลี้ยง ชาวบ้านจะให้มันบวชแล้วยกวัดให้มันดูแลหรือป่าว ไม่รู้แน่ครับ ผมว่าน้าแกก็คงไม่ต้องการแต่งต่อ ไปถามแก แกอาจจะถามกลับว่า "มึงกวนตีนกูเหรอ" ป่าวนะน้า และผมก็ไม่คิดจะถาม ผมขอคิดของผมไปเองคนเดียว แต่ผมจะบอกต่อว่า ถูกต้องแล้วครับ(ทำปากจู๋ๆ ยืนมือออกไปชี้ด้วยนิ้วชี้เล็กน้อยแบบเสี่ยตา) ทุกอย่างมันจบแบบเลือนหายไป ก็เพราะว่า คนไทยเป็นแบบนี้หละครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรเดี๋ยวเวลาผ่านไปมันก็จะลืม เหมือนกับคำที่บอกว่า "คนไทยลืมง่าย คนใจดีให้อภัยง่าย" ผมขอถามกลับครับว่า "จริงหรือ? ลืมง่ายใจดี หรือว่าคนไทยไม่ชอบแก้ไขครับ ทำอะไีรที่ผิดไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเพราะรับความจริงไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำผิดพลาด มันคือการหลอกตัวเองหรือป่าวครับ?"
สุดท้ายถามหน่อยว่าหลวงตาแกทำไรบ้างอะครับในเพลง ใครตอบผมหน่อยบทบาทแกมีแค่นี้เหรอแกไม่ช่วยอะไรไอ้จุกเลยเหรอ ทำไมแกเงียบเลยอะ
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.isnhotnews.com
ภาพนี้ไม่มีอะไรขอคาราวะแด่ คาราบาวและน้า ป๋า ลุง แอ๊ด แล้วแต่ใครจะเรียกแล้วกันนะขอรับนายท่าน
ก่อนจบ ระหว่างเขียนน้องมันถามว่าพี่ไม่กลัวพวกโรยดอกไม้ กับ สี...เกลียดเอาเหรอ โห!! มีคนดูถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ ก็ต้องบอกว่า ผมเพิ่งอ่านเนื้อหาของเพลงว่าแต่งโดยมีเนื้อหามาจากเรื่่องอะไีรประมา๊ณไหน อย่างไร จาก คุณ firststepkeng ที่อัพโหลด MV เพลงนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้จริง ๆ นะครับว่าจริงแท้แล้วเป็นอย่างนั้นไหม แต่จากเนื้อเพลงก็เออหวะมันไม่เกี่ยวกับสมภารเลยนี่หว่า เมืองสิงค์ เมืองสิงห์บุรี และเจ๊กชื่อว่าเถ้าแก่เสก นึกว่าแกด่าเหมารวมคนไทยเชื้อสายจีนคนไหน ก็นึกอึนๆไม่พอใจอยู่นิดๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องอ๋อ เออหวะ ภาพใน MV มันก็ชัดซะด้วย แล้วอีกอย่างนึงตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันถึงเรื่องพระ แต่ก็คิดว่าคงไม่ไหวแน่ถ้าเขียนไปคงสบาย(ผมชอบกินข้าวมันไก่ซะด้วยข้าวสี ๆ ไม่ค่อยชอบถึงวิตามินมันจะเยอะ พอดีนึกถึงเพลงนี้ได้เลยหามาเปิดฟัง แล้วมันเกิดอาการคัน...ห.. (หัตถา) ขึ้นมาก็เ่ท่านั้นเอง
เดี๋ยวนี้พวกใช้ผ้าเหลืองหากินเยอะครับ พระแท้ พระปลอมดูยาก แถมพวกหารับประทานเอางานบุญมาอ้างก็อีกเยอะเช่น อ้างงานพุทธชยันตีมาจัดอีเว้นท์เอย อ้างเพื่อสร้างพระใหญ่ๆบ้างเอย สารพัดรูปแบบ ก็ตรงตัวตามเพลงแหละครับ เลวแค่ไหนแต่พอสร้างของให้คนเลื่อมใสมันก็บังความเลว ความชั่วหมด รังสีมันบังตาครับ
ตอบลบปล blog ตอนนี้เขียนยาวแท้เหลา 555
จะว่าไปเพลงนี้เขาแต่งเสียดสีใครบางคนอย่างที่ผมบอกไปว่ามารู้เอาทีหลัง แต่เนื้อหาก็สามารถอิงกับสังคมปัจจุบันได้ครับ ซึ่งถ้าคนเรารู้จักดูอะไรให้ลึกกว่าฉากบังหน้าก็จะดีแต่เสีดายทีน้อยคนนักที่จะเห็นและไตร่ตรองได้ ซึ่งจริงๆแล้วบางทีบางท่านอาจจะทราบอาจจะรู้แต่ก็พยายามทำใจว่า ไม่มั้ง แต่อย่างน้อยเขา ก็ อย่างน้อยเขาก็ทำเพื่อ...ซึ่งทั้งหมดผมว่ามันคือการหลอกตัวเองครับ
ตอบลบแม่นแท้เหลายาวที่บทความเลยแก้ไม่ได้
ตอบลบ